ขอให้ฉันได้เขียนถึงเธอเถอะนกแล... ในฐานะที่ฉันน่าจะเป็นบุคคลหนึ่งซึ่งพอจะเข้าใจเธอได้เสมอ ฉันรู้ดีอยู่หรอก ใช้ชีวิตเยี่ยงเธอมันรู้สึกเช่นไร.. ชีวิตคนเราแต่ละคนมันน่าตื่นเต้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของใคร เศรษฐี ยาจก นักการเมือง ศิลปิน คนขายของชำ นักศึกษา ชาวนา หรือ นักเขียน.. ชีวิตอันแผดร้อนหรืออ่อนโยนของแต่ละคนย่อมต้องผูกพันกับความฝัน เจตนารมณ์อันงดงามซึ่งแทรกซึมอยู่ในห้วงชีวิต
ฉันอยากเป็นนักเขียน นกแล.. เธอก็คงรู้ดีมาตลอด.. รู้ไหม ฉันไม่เคยนึกมาก่อนหรอกว่า ฉันจะลึกซึ้งกับสิ่งนี้มากแค่ไหน.. ฉันเคยแค่ชอบ.. แค่พึงพอใจกับการขีดเขียน.. การเล่าเรื่อง.. ใช่ ฉันทำอย่างนั้นมาตลอด.. จนถึงวันนี้ เธอรู้ไหมนกแล ฉันไม่นึกเลยว่ามันจะเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปเสียแล้ว.. ฉันผูกพันกับการเพ่งมองสังคมโดยโลกทัศน์ของตัวเอง การนั่งตรองนึกถึงความเป็นไป ความเปลี่ยนแปลง คุณค่าและความงาม ฉันรู้สึกกับสิ่งเหล่านั้นนกแล.. เธอคงจะเข้าใจตัวฉันดี เหมือนอย่างที่เราน่าจะเข้าใจกันมาเสมอ
การเขียนถึงเธอครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการเขียนด้วยเหตุผลเพราะฉันไม่มีเรื่องอื่นใดที่จะเขียน.. ความรู้สึกบางอย่างในห้วงหัวใจมันเสมือนสั่งการให้ฉันต้องเขียนถึงเธอนกแล.. ฉันมีเรื่องอื่นๆ ที่จะสามารถเขียนมากมาย ทุกๆ วันนี้ชีวิตฉันเสมือนผูกพันอยู่เสมอกับการอ่านสรรพสิ่งรอบข้างและการบันทึก สถานที่และสิ่งแวดล้อมรอบข้างในบ้านหลังใหม่ซึ่งฉันพาตัวเองมาอาศัยที่นี่ มันจรรโลงให้ทั้งจิตใจและสมองของฉันโลดแล่นเหลือเกิน ฉันเขียนงานใหม่ๆ ขึ้นมามากมายและหลากหลายขึ้น แต่มันไม่ได้หมายถึงว่า ทุกเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมานั้นจะได้เผยแพร่หรือตีพิมพ์ออกมาเสมอ มันยังคงเป็นเช่นเดิมนกแล ฉันยังเฝ้าพยายามส่งงานเขียนเหล่านี้ไปตามนิตยสารและสื่อพิมพ์ทั่วไปและคำตอบที่ได้รับกลับมาก็ยังเป็นเช่นเดิมหลังจากได้ผ่านสายตาของบรรณาธิการ.. งานเขียนของฉันยังด้อยมากนักที่จะสามารถให้ใครๆ ได้กล้าลงทุนตีพิมพ์เผยแพร่สู่สาธารณะชน ฉันคงต้องใช้เวลาฝึกอีกนานโข จนกว่างานของตัวเองจะสามารถเป็นที่ยอมรับของใครๆ ได้ แต่มันก็ไม่เคยทำให้ฉันต้องละความพยายามหรอกนกแล.. ชีวิตที่ฉันเผชิญอยู่ทุกวันมันสุขมากเพียงไหน เธอน่าจะแวะมาเยี่ยมฉันดูบ้าง ฉันมีความสุขเหลือเกิน ตั้งแต่พาตัวเองมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ สถานที่ที่ฉันรู้สึกเสมือนว่าเป็นห้องเรียนแห่งใหม่ของตัวเอง บ้านหลังน้อยริมคลองซึ่งน้ำไหลผ่านฉ่ำเย็นเสมอ ผืนป่าโกงกางทอดยาวริมฝั่งคลองคงความอุดมสมบูรณ์หล่อเลี้ยงผู้คนและเหล่าสัตว์น้ำที่นี่อย่างสมดุล ความโอบอ้อมอารีย์และมิตรไมตรีจากผู้คนที่นี่โอบกอดฉันให้รู้สึกอบอุ่นเสมือนดั่งภูมิลำเนาเดิม เรื่องราวต่างๆ สลับซับซ้อนกันให้ฉันได้สตรับเรียนรู้ และฝึกฝน ฉันพบที่ของฉันแล้วนกแล.. บ้านซึ่งจักเป็นสถานที่ที่ฉันจะต้องเรียนรู้และฝึกหัดงานเขียนของตัวเอง อีกไม่นานหรอกนกแล ตราบใดที่ฝันของฉันยังคงประกายเด่นในดวงใจอันเปี่ยมล้นด้วยศรัทธาในรสวรรณกรรม ฉันต้องเป็นนักเขียน...
ฉันดีใจที่เรามีโอกาสคุยกันตลอดนกแล แม้เราไม่ได้เจอะเจอกันเสียนาน ฉันสุขใจทุกครั้งที่ได้ฟังเสียงเธอ.. มันคือสิ่งเดียวที่คอยทำให้ฉันระลึกถึงช่วงเวลาอันสดใสที่ได้อยู่ร่วมกับเธอนกแล กาลเวลามันหมุนเร็วเหลือเกิน.. ตอนนี้เราต่างก็เดินทางไปตามความฝันของตัวเอง เธอคงมีความสุขเหลือเกินซินะกับการงานของตัวเอง ฉันรู้อยู่หรอกนกแล เธอชอบพูดเรื่องงาน ชอบเล่าอะไรๆ หลายๆ อย่างเกี่ยวกับงานของเธอให้ฉันฟัง.. ฉันอิ่มเอมใจทุกครั้งนกแลที่ได้รู้ว่าเธอมีความสุขแม้บางเรื่องในชีวิตอาจทำให้เธอกังวลหรือเหนื่อยหน่ายอยู่บ้าง..
ชีวิตคนเรามันเป็นเสียอย่างนี้แหล่ะนกแล.. บางคราสุขใจ เบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อบางอย่างมันสมปรารถนา.. แต่บางครั้งก็ต้องมีเรื่องทุกข์ใจ หม่นหมองใจบ้าง มันเหมือนทั้งสองอย่างคู่กันฉันใดฉันนั้น..
ฉันจึงอยากเขียนถึงเธอนกแล.. ไม่ว่าจะในโอกาสใดก็ตาม หรือในฐานะที่ฉันกำลังฝึกฝนเขียนงานของตัวเองอยู่ก็ตาม แรงบันดาลใจบางอย่างที่เกิดขึ้นจากวันเวลาของเรา มันคอยผลักดันให้ฉันอยากลงมือเขียนเรื่องเธออยู่เสมอ จนถึงช่วงเวลานี้ที่ฉันได้ลงมือเขียน ฉันสุขใจเหลือเกินนกแลที่ ได้นึกถึงเธอ และได้เขียนถึงเธอ..
ฉันยังจำได้เสมอนกแล เรื่องเล่าเกี่ยวกับตัวเธอ.. เธอชอบเล่าให้ฉันฟังบ่อย แล้วเราก็ร้องไห้ด้วยกันเสมอ.. มีบางคนบอกฉันว่าเธอเป็นคนน่าเอ็นดู ดวงตาเธอชอบหมองเศร้า เธอเป็นอย่างนั้นจริงๆ นั่นแหล่ะ.. ฉันก็รู้สึกอยู่หรอก ทุกครั้งที่เธอเล่าเรื่องแม่ของเธอ จำได้ไหม ฉันต้องร้องไห้ออกมาก่อนเธอเสียทุกครั้ง เพราะเรื่องมันน่าเศร้าจริงๆ นั่นแหล่ะ ฉันเศร้าใจมากับเธอตลอด แต่ใครเล่าจะเลือกเกิดได้บ้าง.. คงไม่มีหรอก.. เราทุกคนเสมือนถูกกำหนดมาให้คู่กับการต่อสู้ ความลำบาก... ฉันไม่เชื่อหรอกว่าในโลกนี้จะมีใครที่มีความสุขอยู่เสมอ.. แม้กระทั่งบางคนที่เกิดมาท่ามกลางกองเงินกองทอง เขาก็ยังต้องเผชิญกับความเศร้าหมองตรอมใจบ้าง ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง.. เหมือนเธอนั่นแหล่ะนกแล.. อาจจะใช่ ที่เธอเกิดมาพร้อมกับความลำบาก และแม้เธอต้องเสียแม่ไปตั้งแต่วัยเยาว์ แต่ความทุกข์โศกที่เกิดขึ้นนั้นมันเสมือนเบ้าหลอมที่ก่อตัวเป็นพื้นฐานให้เธอเป็นคนที่เข้มแข็ง อดทน และดูแลตัวเองมาตลอด ฉันรู้จักเธอดีนะนกแล เราคบกันมานาน...
ฉันเห็นใจเธอเหลือเกินนกแล.. กับบทบาทชีวิตที่เธอต้องประสบ เธอแอบร้องไห้บ่อยในวันแม่ของทุกปี อย่าหาว่าฉันไม่รู้เลย.. รู้ไหมทำไมฉันจึงไม่เคยคิดที่จะกลับบ้านไปเยี่ยมแม่ตัวเองในวันนั้น.. แม้กระทั่งตรงกับวันซึ่งเราทุกคนควรกลับไปพบเจอ และอยู่กับแม่ แต่สำหรับฉันนกแล.. ฉันเห็นใจเธอ ฉันรู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องปล่อยให้เธออยู่คนเดียวและเศร้าหมองกับอดีต แม้แม่ของเธอจะจากเธอไปนานแล้วก็ตาม แต่ฉันก็พอรู้อยู่หรอก ว่าแม่เธอนั้นผูกพันกับเธอมากเพียงไร.. เธอเล่าให้ฉันฟังเสมอ.. สมัยเด็ก พ่อเธอจากบ้านไปนาน เหลือเธอกับแม่สองคนที่ต้องแบกภาระทั้งหมดในครอบครัว แม่เธอเขาเหนื่อยมากแค่ไหน ฉันก็น่าจะพอรู้อยู่หรอก ความเป็นแม่คนมันยิ่งใหญ่เสียยิ่งกว่าสิ่งใด โดยเฉพาะแม่ที่ต้องรับหน้าที่ถึงสองอย่าง ทั้งหัวหน้าครอบครัว และหน้าที่ของแม่ผู้ให้กำเนิด เราร้องไห้ด้วยกันเสมอนกแล.. ทุกครั้งที่เธอเล่าเรื่องแม่ให้ฉันฟัง...
ใช่ซินกแล.. ฉันไม่ชอบเล่าเรื่องครอบครัวของฉันให้เธอฟังสักเท่าไหร่.. แม้เธอจะพยายามซักถามเสมอก็ตาม.. แต่ฉันก็มีเหตุผลของฉันเหมือนกัน เช่นเดียวกับเหตุผลที่ฉันอยากอยู่กับเธอเสมอในวันแม่ของทุกๆ ปี แต่ฉันก็ไม่เคยลืมที่จะคิดถึงแม่ของตัวเองเหมือนกัน ฉันซื้อของขวัญและส่งจดหมายให้แม่เสมอ.. ใช่แล้วนกแล มันคืออีกเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่เคยบอกเธอ เพราะฉันเห็นใจเธออีกนั่นแหล่ะ ฉันกลัวว่าเธอจะน้อยใจที่ฉันมีโอกาสส่งของขวัญและจดหมายให้แม่ ทั้งๆ ที่เธอก็อยากทำแต่ไม่มีโอกาสอีกต่อไป...
เราต่างก็กำลังเข้าสู่วัยผู้ใหญ่นกแล.. วัยที่เราต่างก็ต้องผูกพันกับหน้าที่การงานและความรับผิดชอบมากมายที่กำลังเฝ้ารอให้เราเดินทางผ่านไปประสบพบเจอ อดีตมีคุณค่าเหลือเกินนกแล ทุกครั้งที่ฉันได้หวนคิดกลับไป.. ทุกๆ อย่างไม่ว่าจะดีหรือเลวมันคือชีวิต.. ชีวิตที่ต่างก็ต้องผูกพันมากับความยากลำบากและการมุ่งมั่น.. ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าวัยเด็กและวัยรุ่นมันช่างเป็นช่วงเวลาที่สั้นนัก และมันก็ผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน.. ฉันยังจำความรู้สึกดีๆ ที่เรามีให้กันเสมอ ฉันดีใจที่ได้รู้จักเธอ ได้ผูกพัน และเป็นคนใกล้ชิดของเธอ เราต่างเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากกันและกันมากมาย มันเป็นช่วงเวลาอันคุ้มค่าที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนที่เข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกัน
เธอเสมือนคนๆ เดียวที่เข้าใจฉันมาโดยตลอด.. ฉันเคยคิดที่จะอยู่ตัวคนเดียว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ใด ใช้ชีวิตผูกพันกับสิ่งที่ตัวเองรักและหวงแหนที่จะทำ แต่มันก็เป็นได้แค่ความรู้สึกในบางครั้งบางคราวเองนกแล.. ฉันก็เกิดความว้าเหว่เหมือนกัน ในบางเวลาที่ต้องสับสนกับชีวิตของตัวเอง หรือต้องพบเจอกับความอ่อนแอของสภาพจิตใจ ฉันต้องการคนที่เข้าใจ รับฟังและอยู่เคียงข้างเช่นเดียวกับเธอนั่นแหล่ะ เราถึงอยู่กันได้มานานจนต่างก็ผูกพันกันดั่งปูปลาที่ต่างก็ต้องพึ่งสายน้ำสายเดียวกัน...
“ฉันอยากเป็นนักเขียน” แน่อยู่หรอกนกแล เธอต้องจำประโยคนี้ได้ดีทีเดียว เพราะมันเป็นประโยคซ้ำซากที่ฉันชอบบ่นให้เธอฟังอยู่เสมอ ถึงวันนี้ฉันก็ยังคิดเช่นนั้น.. ใช่ซิ ฉันเคยฝันและวันนี้ฉันก็ยังต้องฝัน.. ถึงแม้ตัวฉันเองก็ยังไม่รู้หรอกว่าเมื่อไหร่ตัวเองถึงจะได้เป็นนักเขียนเต็มตัว ฉันเฝ้าค้นหาอยู่เสมอถึงความหมายของนักเขียนที่ฉันใฝ่ฝัน.. ฉันไม่เคยรู้มาก่อนหรอกว่าการได้เป็น นักเขียน จะทำให้ฉันมีชีวิตอยู่เช่นไร ฉันควรดำเนินชีวิตของตัวเองอย่างไร ถึงจะเหมาะสมกับการเป็นนักเขียน ทั้งๆ ที่ทุกๆวัน ชีวิตฉันจะต้องผูกพันกับการขีดๆ เขียนๆ เธอน่าจะเข้าใจฉันอยู่หรอก ความฝันคนเรามันไกลเหลือแสน.. มันไม่ได้มีแค่ระยะทางที่ยาวไกล มันยังพ่วงมาด้วยตัวแปรหลายๆ อย่าง และอุปสรรคขวากหนามมากมายที่พาให้เราต้องประสบ แต่ฉันก็ไม่วายที่จะหยุดการก้าวย่างอย่างง่ายดายหรอกนกแล...
มันเป็นเพราะเธออีกนั่นแหล่ะ.. ที่เสมือนดั่งพลังใจของฉัน ชีวิตฉันได้ทำความรู้จักกับคำว่าอดทนและมุ่งมั่นเพราะเธอนั่นแหล่ะ ฉันได้เรียนรู้ความมานะพยายามจากเธอนั่นแหล่ะ.. เธอทำให้ฉันรู้ว่า การดำเนินชีวิตที่อดทนกับความยากเข็ญและการตั้งใจมุ่งมั่นกับสิ่งที่เรารักนั้นมันคือหนทางเดียวที่จะสามารถทำให้เราประสบผลสำเร็จได้.. ดั่งเช่นชีวิตของเธออีกนั่นแหล่ะ แม้ตัวเธอเองจะต้องทุกข์ทนกับความเดียวดาย ความอ่อนแอ และเศร้าหมอง แต่เธอก็ไม่เคยท้อแท้ เธอแสดงให้ฉันเห็นอยู่เสมอถึงความอดทนอดกลั้นกับสภาพของความเปลี่ยวเหงาและการมุ่งมั่นดำเนินชีวิตอย่างนักสู้...
จำได้ไหมนกแล.. หลายๆ ครั้งหลายคราที่ฉันต้องร้องไห้เพราะความสับสนกับหนทางชีวิตของตัวเอง.. เธอคงรู้ดีใช่ไหม กับเส้นทางที่ฉันเลือกที่จะเป็น มันสวนทางกับความคาดหวังของคนทางบ้านฉันมากเพียงไร ใช่ซิ พวกเขาคาดหวังกับฉันไว้ต่างๆ นานา ให้ฉันรีบร่ำเรียนให้จบไวๆ เพื่อจบออกมาจะได้ทำงานมีเงินมีทองไว้ใช้จ่าย และสามารถเป็นที่พึ่งของคนทางบ้าน.. แต่สิ่งที่ฉันเลือกซิ มันคือสิ่งที่ฉันรักและหวงแหนเพียงไรเธอก็น่าจะรู้.. ไม่มีใครสามารถเข้าใจฉันได้เหมือนอย่างเธอหรอกนะ.. กับคนๆ หนึ่งซึ่งเลือกทางเดินของตัวเองให้ประสบกับหนทางที่ดูจะต่ำต้อย ไร้จุดยืนและความมั่นคง พวกเขาได้แต่ไม่เห็นด้วยกับทางเลือกของฉัน แม้มันจะสร้างความเบิกบานใจให้กับฉันมากเพียงไรก็ตาม ก็ยังไม่อาจมีใครที่จะมองเห็นจุดนี้เท่ากับที่เธอเห็นหรอกนกแล.. แต่ยังไงก็ตามเถอะ.. ฉันเลือกทางเดินของตัวเองแล้ว มันคือหนทางเดียวที่ฉันสุขใจมากเสียยิ่งกว่าการได้นั่งๆ นอนๆ บนกองเงินกองทอง หรือการเสวยสุขอย่างผู้มั่งมี ฉันจะเป็นนักเขียน ไม่วันใดก็วันหนึ่งหรอก...
เธอสอนให้ฉันเชื่อมั่นในตัวเองนกแล.. จำได้ไหมชีวิตเธอก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน หลังจากพ่อและแม่เธอจากเธอไป เธอจำต้องอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด ต้องเรียนรู้และสู้ทนมาด้วยตัวของตัวเองตลอด.. ฉันชื่นชมเธอจริงๆ เธอคือผู้หญิงที่อดทนและเข้มแข็งเหลือเกิน ความเชื่อมั่นในตัวเองทำให้เธอฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ.. จนเธอประสบผลสำเร็จทั้งในด้านการศึกษาและหน้าที่การงาน.. ไม่เหมือนตัวฉันที่มีพ่อมีแม่คอยส่งเสียมาโดยตลอด แต่ยังอ่อนแอกับเรื่องบางเรื่องซึ่งเธอต้องต่อสู้อย่างเดียวดาย.. จำได้ไหมนกแล เพื่อนๆ ของเราหลายคนหัวเราะเยาะกับงานเขียนอันไร้เดียงสาของฉัน พวกเขาเห็นว่ามันเป็นเรื่องตลกที่ใครคนหนึ่งแต่งเรื่องเล่าขึ้นมาให้เป็นเรื่องเป็นราวเพื่อสื่อถึงความรู้สึกเบื้องลึกของจิตใจ พวกเขาคงมองฉันเป็นตัวตลกไปเสียแล้วนกแล ทั้งๆ ที่สิ่งที่ฉันทำ มันก็คือความฝันที่มีสิทธิ์ที่จะเบ่งบานในโลกใบนี้.. แต่ก็มีเพียงเธอนี่แหล่ะที่คอยเข้าใจและให้กำลังใจฉันมาโดยตลอด การกระทำของเธอมันคือแรงผลักดันให้ฉันเชื่อมั่นในตัวของตัวเอง มันคือแรงใจอันมหาศาลที่กอบกู้พลังฝันของฉันให้ลุกโชน...
ฉันจึงมีวันนี้นกแล.. วันที่ฉันยังตั้งหน้าตั้งตาฝึกหัดการเขียนของตัวเองอยู่เสมอ ถึงแม้งานหลายชิ้นที่ถูกสร้างสรรค์ออกมาจะยังไม่สามารถสื่อความงามและความหมายให้ใครหลายๆ คนได้รู้สึกถึงอรรถรสของวรรณกรรมของฉันได้ก็ตาม แต่พลังฝันที่เป็นพื้นฐานในการต่อสู้ของฉันจะไม่มีวันอิดโรยหรอกนกแล ฉันยังต้องสู้ ต้องฟันฝ่า และพยายามจนกว่าวันหนึ่งหรอกนกแล วันที่ความฝันของฉันคงต้องเป็นจริงขึ้นมาบ้าง.. แม้จะยังคงต้องผ่านอีกยาวนานกาลเวลาก็ตามฉันก็จะสู้นกแล...
การเป็นนักเขียนที่ดีมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนกแล.. ฉันเพิ่งจะมาเข้าใจมันถ่องแท้ก็ต่อเมื่อได้มารู้จักเธออีกนั่นแหล่ะ ตัวเธอและชีวิตเธอมีความหมายเหลือเกินสำหรับการดำรงการเป็นนักเขียนของฉัน ดูซิ.. ถึงแม้พ่อและแม่ของเธอจะไม่ได้อยู่กับเธอก็ตาม แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นเธอพาตัวเองออกนอกลู่นอกทาง.. เธอยังคงเป็นคนดีและซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และแน่นอน หากพ่อแม่ของเธอยังอยู่ท่านทั้งสองคงภูมิใจกับตัวเธอมากทีเดียว สิ่งเหล่านี้แหล่ะนกแลที่คอยเตือนสติฉันอยู่เสมอว่า.. การที่เราจะเป็นนักเขียนที่ดีได้นั้น เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเองและงานเขียนของตัวเอง ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องเหล่านี้มาก่อน ฉันแค่อยากเป็นนักเขียน.. เล่าเรื่องต่างๆ นานา สร้างความงามให้กับเรื่องเล่า ทั้งจรรโลงใจแด่ผู้อ่าน.. แต่เมื่อฉันนำพาตัวเองมาผูกพันการการตั้งหน้าตั้งตาขีดเขียนอย่างเอาจริงเอาจัง การแค่คิด จินตนาการและเขียน มันไม่เพียงพอเลยกับการสร้างวรรณกรรมขึ้นมาสักเรื่องเพื่อให้มันมีคุณค่ามากที่สุดในชีวิต.. ฉันจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องตระหนักถึงความเป็นจริงและความถูกต้อง เพราะวรรณกรรมที่เราขีดเขียนออกมา มันน่าจะเป็นอะไรที่ควรจะมีคุณค่ามากกว่าเป็นสิ่งที่สร้างความงามให้เกิดขึ้นจากการได้อ่าน แต่มันควรจะมีคุณค่ามากกว่านั้น.. ทุกๆ วันนี้ฉันจึงต้องทุ่มเทกับมันมากขึ้นกว่าที่เคย ฉันจำต้องซื่อสัตย์ต่องานของตัวเองเพื่อให้งานทุกๆ ชิ้นที่ถูกกลั่นกรองออกมาจากห้วงจิตใจของฉันสามารถจรรโลงใจให้กับคนอ่านไม่มากก็น้อยตามเนื้องานแต่ละชิ้น.. ฉันจึงต้องสู้อีกนั่นแหล่ะ ต่อสู้กับความไม่รู้และความสับสนที่เกิดขึ้นจากความเป็นไปรอบข้าง...
การอยู่เฉยๆ จึงไม่เพียงพอเสียแล้วนกแล.. ฉันจำต้องดิ้นรนและพยายามมากกว่านี้ ถึงแม้หลายสิ่งหลายหลายอย่างจะขาดหายไปจากชีวิตบ้างก็ตาม แต่ฉันก็ไม่มีเวลาที่จะต้องมานั่งช้ำใจหรือเสียอกเสียใจกับมันมากเกินไปแล้ว ฉันควรสู้ใช่ไหมนกแล.. เพราะมันคือความฝันและชีวิตจิตใจที่ผูกพันกับตัวฉันเสมือนหนทางแห่งชีวิตที่ฉันย่ำเดินอย่างเบิกบาน...
ฉันเจอที่ของฉันแล้วนกแล.. สถานที่ซึ่งเหมาะสมที่สุดสำหรับฉันในการเริ่มต้นตั้งหน้าตั้งตาต่อสู้บนหนทางที่ฉันเองเป็นผู้เลือก.. ฉันพาตัวเองออกมาห่างไกลจากวันเวลาเดิมๆ ที่ตัวเองประสบอยู่ทุกวี่วันมาสู่บรรยากาศใหม่ที่ซึ่งทุกๆ อย่างก่อเกิดปริศนามากมายให้ฉันได้ขบคิด ไตร่ตรอง และรับรู้ถึงความเป็นไปรอบข้างจนสามารถมองอะไรได้ชัดเจนยิ่งขึ้น.. ความสงบของสถานที่ดั่งกล่าวมันเปิดจิตใจและสมองของฉันให้โลดแล่นอย่างพร่างพรู แต่ก็ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย เสมือนสายน้ำที่ไหลรินอย่างสุขุม.. ใช่แล้วนกแล มันเป็นเสมือนถิ่นฐานที่สร้างพื้นฐานการเขียนของตัวฉันเอง ฉันรักโลกใบนี้เหลือเกิน.. ห้วงความฝันที่ค่อยๆ เฉิดฉายรัศมีอันอำไพของความไม่รู้จบในรสชาติของการมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงาน.. ฉันเพิ่งมารู้สึกตัว ณ ที่นี้เองนกแล.. ว่าคนเรามันเกิดมาย่อมไม่สมบูรณ์แบบ ไม่มีใครที่จะสามารถรอบรู้และเก่งกาจในทุกๆ ด้านได้หรอก การฝึกฝนและการตั้งมั่นเท่านั้นที่จะหล่อเลี้ยงประสิทธิผลในตัวเราให้งอกงาม เฉิดฉาย ดั่งแสงนวลอำไพของดวงดาวที่ส่องสกาวกลางท้องฟ้าในคืนเดือนมืด...
เธอน่าจะหาเวลามาเยี่ยมฉันบ้างนกแล.. เราคงมีเรื่องเล่าที่จะได้มาแลกเปลี่ยนกันอีกเยอะ.. เหมือนสมัยก่อนที่เราต่างมีเวลาพูดคุยกันไม่รู้จบ ต่างก็ครื้นเครงและโศกเศร้าปนเปกันไปบ้าง แต่มันก็คืออดีตที่เสมือนเป็นรสชาติของชีวิตที่ให้เราได้ร่วมลิ้มลองเพื่อให้รับรู้ถึงชีวิต ซึ่งจำต้องหลากหลายอันเป็นสัจธรรมที่คู่มากับช่วงเวลาของการได้โลดแล่นอยู่บนโลกใบนี้...
เธอเห็นหรือเคยรู้สึกบ้างหรือเปล่านกแล.. ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างในสังคมปัจจุบันที่เราดำเนินชีวิตอยู่.. ความวุ่นวาย สับสนอลหม่านในสังคมปัจจุบันมันบีบให้หลายๆ คนอยากเข้ามาจุกกันอยู่อย่างแออัด.. ในขณะเดียวกันมันก็คอยผลักดันให้หลายๆ คนถอยห่างออกมาเพื่อค้นพบความสงบที่จำเจจนกลายเป็นความหว้าเหว่ที่เข้ามาทดแทน.. ฉันพอที่จะมองออกมาได้บ้างในมุมมองเช่นนี้.. ความสุขที่ฉันพบเจอจึงดูห่างไกลจากวงเวียนดั่งกล่าว ซึ่งได้แต่ผูกมัดตัวตนของเราให้อยู่อย่างผู้ที่จำใจมอบอิสรภาพของตัวเองให้อยู่ในกฎเกณฑ์ที่ตายตัวและแข็งกระด้าง.. ทางเลือกของฉันจึงถูกกำหนดขึ้นใหม่ด้วยตัวตนและพลังใจของตัวเอง.. เพื่อนำพาตัวเองให้พบเจอกับหนทางอันมากมายที่รอให้ตัวเราเองเลือกที่จะพาสิทธิของตัวเองมากำหนดทิศทางอันเป็นของเราเอง.. ให้ผลงานหรือผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ออกมาตามที่ใจและขอบเขตความฝันเราได้กำหนด
การเดินทางมันเพิ่งเริ่มต้นนกแล.. และฉันเองก็พร้อมเสมอที่จะต้องเผชิญกับอะไร หลายๆ อย่างที่ย่ำกลายเข้ามาหาชีวิตของเราอยู่ทุกๆ ห้วงวินาที...
เสมือนว่า.. นักเขียนทุกคนจำต้องวาดฝันและดำเนินชีวิตตามความฝันอย่างฟันฝ่าและมุ่งมั่นเพื่อเก็บเกี่ยวฝันอันงดงามที่รอคอยการบำรุงและดูแลอย่างดีจากสองมืออันเต็มไปด้วยความหวังและความอบอุ่น.. ทุกๆ วันของฉันจึงเป็นคืนวันที่ห่างไกลจากกฎเกณฑ์และพันธนาการใดๆ ทั้งสิ้น.. มันเป็นทางเลือกที่หฤหรรษ์อยู่พอตัวนกแล.. ฉันต้องฝืนบ้างในบางครั้ง รวมทั้งการต้องยอมรับกับปรากฏการณ์หลากหลายที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว.. เพื่อเก็บเกี่ยวคุณค่าความงามของสิ่งเหล่านั้น มาดัดแปลงผสมคุณค่าเป็นวรรณกรรมที่ถ่องแท้ อำไพ งดงาม และมีประโยชน์ที่สุดต่อการดำรงชีวิตของเพื่อนมนุษย์และสังคมสากล ...
การศรัทธาและตั่งมั่นในสิ่งที่รัก จึงเปรียบเสมือนพลังอันไม่รู้จบที่คนเราแต่ละคนพึงมีเพื่อความมั่นคงในการย่ำกรายบนหนทางของคนต่อสู้...
ดูๆ แล้วมันเสมือนยิ่งทำให้เราห่างไกลกันมากขึ้น.. กว่าเดิมที่เคยเป็นอยู่ใช่ไหมนกแล.. ใช่ซิฉันก็ระลึกอยู่เสมอหรอก คืนวันที่เราเคยอยู่ร่วมกัน พบเจอและร่วมฝันเคียงข้างกัน แต่เธอก็ยังเคยเตือนฉันอยู่บ่อยใช่ไหมล่ะ.. ว่าเราใกล้ชิดกันแต่เสมือนห่างกันไกลแสนไกล ฉันก็รู้สึกอยู่บ้าง ใช่ ฉันเคยรู้สึก และมันก็คงเป็นเช่นนั้น.. ในขณะเดียวกันกับที่ความรักมันโอบรัดเราสองให้ใกล้ชิดกัน แต่ความฝันและวิถีแห่งการสร้างสรรค์มันก็คอยแยกเราสองให้ห่างกันออกไปสู่ถนนชีวิตของแต่ละคนที่ย่อมแตกต่างกันไป.. ใช่แล้วนกแล มันเคยเป็นเช่นนั้นและยังคงเป็นเยี่ยงนั้นตราบจนปัจจุบัน ฉันยังรู้สึกได้ดีเสมอ.. คืนวันมันหมุนเวียนอยู่เสมอและมั่นคง เราต่างก็ต้องย่ำเดินบนวิถีของตัวเอง แต่สำหรับคำว่ารักแล้ว ฉันยอมรับอยู่เสมอถึงพลังอำนาจแห่งความผูกพันที่มั่นคงแข็งแกร่งเสมอตราบวันเวลาที่เราสองคนยังคงต้องพบเจอและรู้สึกถึงกันเสมอมา...
จริงไหมนกแล.. เราต่างก็ยังมั่นคงในความรักที่อบอุ่นเสมอมา...
เธอรู้สึกอย่างที่ฉันรู้สึกหรือเปล่านกแล.. ถึงสังคมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เห็นไหมวันเวลาที่คอยซักล้างคืนวันเก่าๆ เรื่องราวเก่าๆ และวิถีเก่าๆ ออกไปทีละน้อย โดยมีสีสันใหม่ๆ เข้ามาต่อเติมเสริมแต่งอยู่เสมอจนอดีตหรือความงดงามที่เคยทรงคุณค่ากลับกลายเป็นแค่ความล้าหลังที่ค่อยๆ ถูกซะล้างออกไป.. เช่นเดียวกับงานเขียนนั่นแหล่ะนกแล ฉันอยากให้เธอได้รู้เหลือเกินกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสิ่งนี้.. ฉันไม่อาจรู้ได้หรอกว่า ในวันข้างหน้า คุณค่าที่เคยเสมือนเครื่องจรรโลงใจดั่งเช่นวรรณกรรมนั้นจะหมดยุคแห่งการเสพสรรค์เมื่อใด.. หรือทุกๆ อย่างได้ถูกกำหนดแล้ว.. ยุคสมัยของเราคือรอยต่อระหว่างยุคของการอ่าน – เขียน เพื่อไปสู่การรับรู้ด้วยสิ่งอื่นใดที่เข้ามามีบทบาทแทนที่วรรณกรรม.. ฉันไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ นกแล.. สังคมของเราต้องการวรรณกรรมที่ทรงคุณค่าเพื่อเก็บทั้งคุณค่าและความงามของโลกใบนี้ไว้สืบสานต่อๆ ไป.. ฉันกลัวเหลือเกินว่าวันหนึ่งสิ่งที่ฉันรัก และหวงแหนอย่างที่สุด จะกลับกลายเป็นอดีตที่ถูกมองข้ามและไร้ซึ่งคุณค่าใดๆ ต่อคนรุ่นต่อๆ ไป...
ฉันคิดเห็นเช่นนี้จริงๆ นกแล.. ทำให้ฉันจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนำพาชีวิตทั้งชีวิตของตัวเองมุ่งมั่นฝึกฝนและสร้างสรรค์งานขึ้นมาให้ทรงคุณค่ามากที่สุด.. เพื่อคุณค่าและความงามที่เกิดขึ้นจากชิ้นงานแต่ละชิ้นนั้นสามารถเป็นสิ่งหนึ่งที่คอยจรรโลงโลกและเสริมสร้างความงามให้กับชีวิตได้ไม่มากก็น้อย.. ฉันเลือกทางเดินของตัวเองแล้ว.. มันคือหนทางอันทรหดที่จำต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการทั้งทางตรงและทางอ้อม.. แต่ฉันก็ไม่วายที่จำต้องฝึกปรือและหมั่นเพียรพยายามต่อสู้นกแล.. เธอคงจะเข้าใจความรู้สึกของฉันดี...
อีกอย่างหนึ่งนกแล.. ที่ฉันอยากบอกเธอเหลือเกินถึงสภาพความเป็นจริงที่คนเขียนอย่างฉันและอาจจะเป็นใครอีกหลายๆ จำต้องพบเจอ.. ใช่ซิ หลายๆ สิ่ง ที่ฉันได้เล่าผ่านเรื่องราวทั้งหมดข้างต้นอาจสื่อให้เธอเห็นถึงพลัง.. ความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณการต่อสู้ของคนอย่างฉัน และอีกหลายๆ คนที่นำพาชีวิตของตัวเองมาสู่เส้นทางสายวรรณกรรม.. มันคือความ...หว้าเหว่นกแล มันคือความเหงาที่ก่อตัวขึ้นพร้อมๆ กับความเดียวดายที่เราต่างก็ล้วนตั้งใจนำพาชีวิตของตัวเองให้มาพบเจอ.. มันเปรียบเสมือนหนทางที่เราไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ มันเป็นความรู้สึกที่เราต่าง ก็จำต้องพบเจออยู่เสมอ.. มันเริ่มต้นขึ้นในขณะเดียวกันกับหลายๆ สิ่งที่เราพบเจอและตั้งใจพบเจอ มันก่อตัวขึ้นอย่างเงียบในมุมและช่วงขณะเวลาที่สงบที่สุดในวันเวลาที่เราจำต้องเผชิญกับความเดียวดาย.. ฉันเองก็พบเจอมาตลอด จนบางครั้งก็รู้สึกชินชากับมัน.. แต่บางครั้งอำนาจของมันก็ยิ่งใหญ่เสียเหลือเกินจนความเบิกบานใจที่เรามีอยู่บ้างในชีวิตก็มิอาจมีอำนาจเพียงพอที่จะต่อกรกับมันได้ แต่เราก็พยายามที่จะอยู่ร่วมกับมันให้ได้.. เพราะมันคือบทพิสูจน์ความอดทนที่เราทั้งหลายจำต้องเรียนรู้ใช่ไหมนกแล...
เราไม่ได้เจอกันเสียนานนกแล.. วันเวลามันย่ำกรายไม่เคยหยุดเลย.. ทุกๆ วันเราจำต้องตื่นขึ้นมาเพื่อพบเจอกับอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ.. แม้เราจะไกลกันพอสมควรแต่ฉันก็รู้สึกเหมือนเราไม่เคยห่างกันเลย.. เรายังมีความรู้สึกที่ดีต่อกันเสมอ.. รู้ไหมนกแล เธอเสมือนกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับฉัน และฉันก็ดีใจที่ได้ผูกพันกันคนอย่างเธอ ไม่มีกำลังใจจากใครที่จะดียิ่งไปกว่าการได้รับกำลังใจจากคนที่รักและเข้าใจตัวเราได้ดีเสมอ.. เธอเป็นคนที่เข้าใจฉันดีมาตลอดนกแล.. ฉันไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าตัวเองจะได้มาเป็นคนที่ยังตั้งหน้าตั้งตาขีดเขียนอยู่เสมอ.. ในบางครั้งที่เราอยู่ร่วมกัน ฉันกลัวมาตลอดว่าวันเวลาจะแปรเปลี่ยนตัวฉันให้ย่ำเดินไปตามเส้นทางที่ฉันไม่ได้ปรารถนา.. แต่การได้เป็นคนร่วมใช้ชีวิตกับเธอมันทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงพลังฝันของตัวเองที่จะย่ำเดินบนทางสายนี้.. ซึ่งเสมือนดั่งชีวิตจิตใจของตัวเองที่ถูกกำหนดมาให้ควบคู่กับตัวฉัน.. ฉันต้องขอขอบใจเธอจริงๆ นกแล...
เช่นเดียวกันนกแล.. อย่างหนึ่งที่ฉันสามารถมอบให้กับเธอ.. อย่างที่เธอเคยให้ไว้กับฉัน คือกำลังใจที่เสมือนดั่งพลังชีวิตให้เธอได้ก้าวเดินอย่างเปรมปรีดิ์.. สิ่งที่ฉันเล่ามาทั้งหมดมันคือตัวฉันและก้าวย่างของตัวฉันในวันนี้และสิ่งที่ฉันต้องประสบพบเจอ.. เราจำต้องเป็นเช่นนี้ จำต้องต่อสู้กับภายในของตัวเอง และจำต้องมุ่งมั่นฝึกฝนอยู่เสมอ.. พฤติกรรมเหล่านี้อาจดูแปลกแยกไปบ้างเมื่อเทียบกับบุคคลทั่วไปในสังคม แต่ทุกคนก็ย่อมมีเหตุผลของตัวเองเสมอใช่ไหมนกแล...
ฉันอาจจะไม่เคยบอกเธอนกแล.. กับบางสิ่งบางอย่างที่รู้สึก.. แต่มันก็แค่นั้นแหล่ะนกแล.. บางอย่างมันซับซ้อนเกินจนฉันไม่รู้ว่าจะสาธยายอย่างไรให้เธอได้เข้าใจถ่องแท้ถึงความรู้สึกเบื้องลึก.. ฉันเกรงกลัวกับคำพูดของตัวเองเหลือเกิน.. เสมือนกับการเกรงกลัวที่จะเขียนเรื่องขึ้นมาสักเรื่องนั่นแหล่ะ.. มันคือเหตุผลเดียวกันกับการที่เราต้องพยายามทุ่มเท ศึกษา ไตร่ตรองและทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความเป็นจริง.. ก่อนที่เราจะสามารถเขียนหรือสื่อสารออกมาได้นกแล.. มันเป็นเช่นนั้นเสมอ...
เส้นทางเช่นนี้มันท้าทายคนอย่างเราเหลือเกินนกแล.. มันอยู่กึ่งกลางระหว่างความง่ายและความยาก กับ ความสุขใจและความลำบากยากเข็ญ.. ฉันต้องประสบกับภาวะเช่นนี้เสมอ เราจำต้องต่อสู้กับอำนาจบางอย่างที่คอยฉุดรั้งให้เราหลีกหนีจากความรักและความอยากที่จะทำ.. บางครั้งฉันก็มีความรู้สึกว่า.. สิ่งนี้มันไม่ได้ทำให้ชีวิตของฉันดีขึ้นได้เลย.. มันดีแต่ทำให้ตัวเองจมลงไปกับความเหงา หรือความหว้าเหว่ที่เข้ามากดทับความเดียวดายอยู่เสมอ.. แต่สิ่งที่ได้พบเจอหลังก้าวข้ามอำนาจเหล่านั้นนะซิ นกแล.. มันมีพลังอำนาจยิ่งใหญ่เหลือเกินที่ทำให้ฉันได้พบกับความมุ่งมั่นอันใหญ่หลวงที่เข้ามาเสริมสร้างให้ทั้งจินตนาการและพลังฝันของฉันลุกโชนอยู่เสมอ.. มันคือผลลัพธ์ที่เกิดจากการมานะพยายาม และความอดทน นกแล...
อยากให้เธอรู้เหลือเกินนกแล.. ถึงความเป็นไปเบื้องหลังความมุ่งมั่น ที่คนอย่างฉันจำต้องประสบ.. หลากหลายอารมณ์และความรู้สึกมันแล่นผ่านเข้ามาในทุกย่างก้าวของชีวิต จนบางครั้งเสมือนคลื่นลูกใหญ่ที่โถมซัดเรือลำน้อยที่ฝากทั้งๆ ชีวิตไว้บนผืนน้ำทะเล เราไม่อาจควบคุมได้เลย.. ได้แต่ปลดปล่อยตัวเองให้โอนเอนไปตามแรงลม แรงคลื่นซึ่งจะพัดพาให้เราพบเจอกับอีกหลากหลายความรู้สึก เบื้องหน้า......
ณ เรือนศิลป์กะรักษ์