วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เรื่องสั้น วันหนึ่งของชีวิตหนึ่ง


สรรพเสียงข้างห้องมันกวนประสาทสิ้นดี.. ป้าแก่ๆ ปากจัด พ่วงหลานอีกสอง วัยเจ็ดถึงแปดขวบไล่เลี่ยกัน ผลัดกันโดนด่า หลังถูกปลุกให้ตื่นแต่งตัวไปโรงเรียน แต่ยังงัวเงีย เลยโดนคุณป้าผู้หวังดีด่ายกโคตรยกตระกูลแต่เช้า ขณะป้าแกคงสาละวนเตรียมของออกตระเวนขาย.. หลังห้องเสียงเรือโดยสารแหวกคลื่นทะมึนของคลองแสนแสบดั่งสนั่นหวั่นไหว.. กรรมกรก่อสร้างตึกแถวใกล้ๆ เริ่มลุยงานกันแต่เช้า มันทั้งเคาะ ทั้งเจาะ ทั้งตอก ปนเปกระหึ่มบ้าน อีกทั้งเสียงจ้อแจ้ของสามีภรรยาที่หยอกเย้าไม่ยอมลุกจากเตียง ส่งเสียงผ่านผนังห้องมาเข้าสองรูหูเขาชัดเจน.. เขาพลอยตื่นกับเสียงพวกนี้แต่เช้าทุกวัน..

ในห้องนอนโกโรโกโสกับฟูกสีชมพูจืดๆ ถูกปูไว้หยาบๆ มีหมอนสีแดงอ่อนๆ สองใบวางเคียงกัน ตุ๊กตาหมีก่อนเคยสีน้ำตาลสดเดี๋ยวนี้แลดูจืดๆ ไร้ชีวิตชีวา.. เขาลืมตาขึ้นผลักผ้าห่มไว้ปลายเท้าหันดูรอบๆ ห้อง.. ก่อนลุกขึ้นพาร่างกายซอมโซมายืนอยู่ตรงหน้าต่างมองออกไปข้างนอก..
ม่านหมอกซึ่งปกคลุมผืนฟ้าเริ่มจางหายหลังจากแสงอันแรงกล้าของดวงอาทิตย์สาดส่อง เสียงรถราขวักไขว่อยู่บนท้องถนน แม้แต่เสียงมันโกลาหลสิ้นดี เขาพยายามเพ่งเล็งไปตรงทางเท้าซึ่งตัดเข้ามาในซอย เห็นคนเร่ขายผลไม้และขนมสดสามสี่จ้าวหาบสินค้าของตัวเองเดินทุลักทุเลมา เด็กๆ สามสี่คนสะพายกระเป๋าเดินออกไปจากซอย..
เขาหวนกลับเข้ามาในห้องตัวเอง เพ่งดูทีวีจอยี่สิบสี่นิ้ววางอยู่ปลายฟูกนอน มันวางอยู่บนโต๊ะไม้ซึ่งเขาต่อขึ้นเอง แล้วปูด้วยผ้าสีชมพูซึ่งตอนนี้แลดูจืดชืด แผ่นซีดีหนังทั้งเพลงและเกมหลายแผ่นถูกวางซ้อนกันหยาบๆ มันเหลือแต่แผ่น ขณะเครื่องเล่นซีดีถูกยกออกไปจากห้องพร้อมใครบางคน.. แจกันจีนดอกไม้พลาสติกบนทีวี มันเคยดูสดชื่นเสมือนดอกจริง สีเหลือง ชมพู และขาว บัดนี้ถูกฝุ่นเกาะเกรอะกรัง.. กระติกน้ำร้อนสภาพพอใช้วางถัดไปจากโต๊ะทีวี มันถูกใช้อย่างทารุณ เห็นได้จากซองกาแฟที่เกลื่อนกราดอยู่ใกล้ๆ ถัดไปเป็นกระป๋องบรรจุขี้บุหรี่และก้น มันอัดแน่นจนบางก้นตกหล่นอยู่บนพื้นผิวหินขัดของห้อง..
ฝั่งเดียวกับส่วนที่เขาวางหัวหลับนอนทุกค่ำคืนคือตู้เสื้อผ้า..ตู้เก่าๆ ซึ่งไม่ได้บรรจุสิ่งใดมากไปกว่าไม้แขวนกว่ายี่สิบอันแขวนไว้เฉยๆ ขณะที่เสื้อผ้าเกือบทั้งหมดที่เขามีซ้อนกันอยู่ในตะกร้าผ้าสีเขียวจางๆ ใกล้ๆ.. ในลิ้นชักของตู้ถูกปิดมานาน เขาเกือบลืมที่จะเปิดดูมันสักครั้ง..ของบางอย่างอยู่ในนั้น..เขาอาจเก็บมันไปทิ้งเสียให้หมด ดีกว่าที่จะเก็บไว้เปลืองพื้นที่เปล่าๆ เขาอาจใช้เป็นที่เก็บเสื้อผ้าบางชิ้น ของสำคัญ หรืออย่างอื่น..ที่ไม่ใช่สิ่งนั้น..
ประตูห้องน้ำติดมู่ลี่ร้อยเปลือกหอยกับเศษปะการัง เขาได้มาจากภูเก็ตเมื่อปลายปีก่อน วันหยุดครั้งนั้นนำพาให้เขาออกไปเที่ยวทะเล ไปกันหลายคน กับเพื่อน กับใครบางคนซึ่งเสนอที่จะซื้อมู่ลี่ชิ้นนี้ มันยังติดอยู่ที่นี่พอให้ได้กลิ่นอายทะเลบ้าง เพราะเขาชอบทะเล และใครบางคนก็คงชอบ..เขาสนุกเหลือล้นกับการได้สัมผัสทะเลในครั้งนั้น เขาไม่มีวันลืมคลื่นลม แสงแดด หาดทรายขาว และน้ำใสๆ เขาจะไปอีกรอบ..เขาหวังที่จะไปเหยียบที่นั่นอีกสักรอบ..สักวันหนึ่งหรอก..
เขาย้ายจากมุมหน้าต่างเข้ามาตรงตู้เสื้อผ้า หยิบผ้าขนหนูมาผลัดกางเกงนอนออก.. เขาคิดที่จะอาบน้ำ แต่ก็เอื้อมมือไปเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อน..เขาเกิดอยากดื่มกาแฟก่อนสักถ้วย แกล้มด้วยบุหรี่ เขาหันหลังให้ประตูห้องน้ำเดินกลับไปมุมหน้าต่าง กระชับผ้าขนหนูใหม่อีกครั้ง เขาเหลือบไปเห็นซองบุหรี่กับไฟเช็คซึ่งวางอยู่ใกล้ฟูกนอน รู้สึกอยากไปหยิบมาจุดสูบ แต่เขาเลือกที่จะรอน้ำเดือด ชงกาแฟ จิบทีแรก แล้วค่อยลงมือจุด เขาชอบรสชาติเช่นนี้มากกว่า..
น้ำเดือดแล้ว..เขาพลันหยิบถ้วยมาตักกาแฟเทลงสองช้อน กับน้ำตาลอีกสองช้อน คนอย่างพอเหมาะ สูดกลิ่นอายกาแฟเข้ารูจมูก เขารู้สึกถึงความสดชื่น ยกถ้วยกาแฟมายืนยังจุดเดิม เขาลืมหยิบบุหรี่มาด้วย..เลยหันกลับไปตอกออกมามวนหนึ่ง หยิบเข้าปาก จุดไฟสูดควันเข้าปอดพืดหนึ่ง ก่อนปล่อยออกมาค่อยๆ ฟุ้งกระจายอยู่ในห้อง.. เขาหยิบทั้งกาแฟและบุหรี่กลับมายังจุดเดิม รู้สึกสดชื่นขึ้น สายตาเพ่งมองออกไปข้างนอกอีกรอบ..
ฟ้ายามสายเจิดจ้า แลเห็นหมู่เมฆจางๆ จับกลุ่มอยู่ปลายขอบฟ้าสลับกับยอดตึกสูงตระหง่านเรียงราย.. เขาสูดควันเข้าปอดอีกรอบ ปล่อยควันพวยพุ่งออกนอกหน้าต่าง.. เขาเหลือบไปเห็นพรูด่างในขวดแก้วแขวนอยู่นอกหน้าต่าง ใบของมันสีเขียวอมเหลืองจางๆ เหมือนๆ จะเหี่ยว น้ำในขวดออกเหลืองๆ ข้นๆ เหลืออยู่ก้นขวด เขาน่าจะหยิบมันมาปัดฝุ่น เปลี่ยนน้ำเสียใหม่บ้าง..เขาละสายตาจากต้นพรูด่างหันกลับเข้ามาในห้องอีกรอบ กางเกงยีนตัวที่ใส่ประจำถูกพาดไว้เหนือพัดลมตั้งพื้น ปลายขาของมันขาดยู่ยี่ ถัดไปเป็นรองเท้าผ้าใบที่เคยเป็นสีขาว บัดนี้เห็นแต่รอยเปื้อนโคลนและคราบดำๆ ที่ติดมาจากท้องถนน..
เขาเดินไปหยิบรองเท้ามาโยนลงบนพื้นในห้องน้ำ เขี่ยขี้บุหรี่ลงพื้น และสูดควันเข้ามาอีกรอบก่อนโยนลงโถส้วม เขาควานหาแปรงถูผ้าหลังประตูห้องน้ำมาวางใกล้ๆ รองเท้า กะจะซักรองเท้าให้ดูใหม่เอี่ยมสักที.. เขาเปิดก๊อกน้ำเหนืออ่างล้างหน้า น้ำพุ่งลงอ่างแรงจนเขาตกใจ เขารีบปิดมันเสียทันควัน ก่อนเดินจากห้องออกมาหาดูถุงใส่ผงซักฟอก.. มันเหลือแต่ถุงเปล่า เขาสบถห้วนๆ ออกมาก่อนขว้างถุงผงซักฟอกลงถังซึ่งบรรจุไปด้วยถุงพลาสติก กระป๋องเบียร์ ซองบุหรี่ กล่องโฟม.. ขยะมันเต็มอยู่หลายวันแล้ว เขาลืมที่จะหยิบลงไปทิ้ง..
เขาวกกลับมาตรงมุมหน้าต่าง ตามองออกไปข้างนอก นึกถึงใครบางคน.. เขาอมยิ้มบางๆ ขณะนึกไปถึงครั้งแรกที่พบเจอใครคนหนึ่ง.. วันเวลามันหมุนเร็วฉิบ ความรู้สึกดีๆ จางหาย.. เขาเหม่อมองฟ้า.. ผืนฟ้าสีน้ำเงินถูกบดบังด้วยหมู่เมฆจางๆ เขาพยายามมองกลุ่มเมฆที่มาจับตัวรวมกันให้เป็นรูปร่าง มันเคลื่อนไหวเชื่องช้า.. เขาละสายตาเดินกลับเข้ามาในห้อง หันมองดูทีวี เขาไม่อยากลุกขึ้นไปเปิด จึงนอนหันตัวมาอีกด้าน โต๊ะเตี้ยๆ สำหรับนั่งพื้นวางอยู่ตรงหน้า บนโต๊ะมีชามสองใบวางซ้อนอยู่ เขาเพิ่งใช้มันใส่ข้าวผัดกินเมื่อคืน แต่ยังไม่ได้ล้าง เขากะตื่นขึ้นมาล้าง แต่กะจะอาบน้ำไปพร้อมๆ กัน เขาเบี่ยงสายตาไปเหนือฟูกนอน รูปถ่ายเขากับใครบางคนยังคงติดอยู่ เขายังจำได้ดี เขากับใครคนนั้นถ่ายเป็นที่ระลึกร่วมกันตอนกลับไปเยี่ยมบ้าน.. เขายิ้ม แต่รู้สึกอยากดึงมันออกเสีย..
เขาหลับตาเอามือก่ายหน้าผาก ครุ่นคิดถึงเพื่อน ถึงบ้าน พ่อ แม่ และพี่สาว.. เสียงหัวเราะของหลายๆ คนโผล่เข้ามาในห้วงคำนึง..เขาลุกขึ้นมานั่ง สะบัดหัวสามสี่ที.. รู้สึกปวดหัว ยกมือมาจับขมับตัวเอง บีบนวดแบบง่ายๆ สามสี่ที เขาสะบัดหัวอีกครั้ง แล้วลุกขึ้นมากระโดดสามสี่ที เขาสะบัดปลายขาทีละข้าง ก่อนเดินไปเปิดดูตู้เสื้อผ้า เขามองหาของบางอย่าง..

อากาศในห้องเริ่มร้อน เพราะแดดข้างนอกเจิดจ้า เขาหยิบกางเกงโยนไปฝั่งตะกร้าผ้าซ้อนทับตัวอื่นๆ เปิดพัดลมเบอร์สาม ให้สาดเข้าถึงตัวอย่างจังๆ เขารู้สึกดีขึ้น สักพักจึงลุกขึ้นเดินออกไปตรงหน้าต่างอีกรอบ กาแฟที่ชงไว้ตั้งแต่เช้ายังค่อนถ้วย เขาหยิบมันมาจิบดูอีกรอบ แม้จะเย็นลงแล้ว แต่ก็ยังเป็นกาแฟ เขารู้สึกอยากสูบบุหรี่อีกครั้ง จึงเดินกลับไปหยิบซองพร้อมไฟเช็คกลับมายืนที่เดิม ปากคาบบุหรี่จุด หืดเข้าเต็มปอด ปล่อยควันฟุ้งออกนอกหน้าต่าง เขาเอนไหล่พิงขอบหน้าต่าง ทำใจให้ผ่อนคลายลง มองออกไปนอกหน้าต่าง คิดถึงใครบางคนอีกครั้ง..
เธอเพิ่งจะจากไป.. เขายังจำได้ดีถึงวันนั้น วันที่ใครบางคนเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า และของใช้อีกบางส่วนผลักประตูเดินออกจากห้องไป เขาภาวนาให้คนๆ นั้นหวนกลับมาเสมอ แต่ก็ไม่เคยเห็นแม้เงา เขารู้สึกผิดที่ไม่อาจรั้งใครคนนั้นให้อยู่ต่อ.. หากเขาพยายามอีกนิด ใครคนนั้นคงเห็นใจบ้าง อย่างน้อยก็อาจทนอยู่อีกสักพักร่วมกัน แม้จำต้องสู้ทน เขาจะให้คำสัญญาที่จะสู้อีกสักครั้ง ให้ฝันเป็นจริง.. ฝันที่เคยมีร่วมกัน ใครคนนั้นหวังไว้อย่างยิ่งให้เขาได้มีงานทำ มีเงินเก็บ ไว้ซื้อบ้าน ไว้ซื้อรถ ไว้เที่ยว.. เช่นนี้ใครคนนั้นคงเห็นใจขึ้นมาบ้าง..

เขาเรียนจบมาเกือบสองปีแล้ว.. พร้อมกับใครบางคนซึ่งเคยอยู่ที่นี่ร่วมกันตั้งแต่สมัยเรียน เขายังไม่มีงานทำเป็นชิ้นเป็นอัน ขณะที่ใครบางคนเป็นพนักงานประจำของบริษัทแห่งหนึ่ง.. เขาเคยมีความสุขกับใครคนนั้นมาตลอดระยะเวลาที่อยู่ร่วมกัน ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม.. ใครคนนั้นพอใจที่จะอยู่เคียงข้างเขา เราเหมือนๆ ว่าจะรักกันมาก ตราบจนวันหนึ่ง..
วันที่ใครบางคนโดนไล่ออกจากงาน เพราะเข้างานสายบ่อย ใครคนนั้นเดินน้ำตาคลอเบ้ากลับมาหาเขา โวยวายลั่นห้อง เรื่องราวและหลายๆ อย่างออกมาจากใจที่เหมือนโดนกดทับ เขางุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น มันไม่ควรเป็นเช่นนั้น เรารักกัน..

เขาสะบัดหัวอีกครั้งก่อนหันกลับเข้ามาในห้อง เขี่ยขี้บุหรี่ออกนอกหน้าต่าง แล้วเดินกลับเข้ามาวนเวียนอยู่ภายในห้อง เขาเดินตรงไปยังกระป๋องเขี่ยบุหรี่ ควานหาส่วนที่สามารถยัดก้นบุหรี่ลงได้ เขาเสียบมันเบียดก้นมวนอื่นๆ ที่เกือบๆ หล่นพ้นออกนอกขอบกระป๋อง ก้นบุหรี่ถูกเสียบไว้ส่วนปลายพับยับยู่ยี่ เห็นควันลอยบางๆ เหนือกระป๋องโชยกลิ่นชวนสำรอก เขาเดินหนีกลิ่นควันนั้น ผลักประตูห้องน้ำตรงไปยังอ่างล้างหน้า เพ่งหน้ามองกระจก ตรวจดูใบหน้าตัวเองอยู่สักพัก มือลูบปลายคางซึ่งมีขนปริ่มๆ บางๆ เขาเอียงหน้าตรวจดูแต่ละด้าน..

เขาเพ่งกระจกอยู่นานเหมือนมองหาอะไรสักอย่างบนผิวหน้าตัวเอง.. ก่อนเปิดก๊อกน้ำเบาๆ สาดน้ำเข้ามาลูบไล้ใบหน้า.. รู้สึกสดชื่นขึ้น.. เขาเดินออกจากห้องน้ำ หยิบผ้าขนหนูอีกผืนมาเช็ดหน้า มันไม่ใช่ของเขา ใครบางคนเคยใช้มันเช็ดผมหลังอาบน้ำ เขายังจดจำกลิ่นจางๆ ของแชมพูยี่ห้อที่ใครบางคนชอบได้.. เขานำมันไปพาดไว้ตรงขอบหน้าต่าง ชะโงกดูภายนอก เห็นผู้คนมากมายจอแจกันอยู่กลางซอย สายตรวจสองคนขับมอเตอร์ไซเข้ามาสอดส่องความเรียบร้อย ขณะกลุ่มคนสามสี่คนตรงร้านอาหารกำลังสุมหัวถกเถียงเรื่องราวบางเรื่อง.. แดดจ้าเสียจนปวดแสบผิวหนัง คลื่นน้ำในคลองแสนแสบมันม้วนตัวซัดฝั่งอยู่โครมๆ ขณะเรือโดยสารแล่นผ่าน.. เขาพยายามมองไปตรงท่าเรือ.. หลายคนยืนอยู่ตรงนั้น เฝ้ารอโดยสารเรือ ไปยังที่ใดที่หนึ่ง.. หญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นเช่นกัน หล่อนหน้าตาดี ผมยาวสยาย สวมกระโปรงยีนสั้นเลยเข่าขึ้นมาพอเหมาะ รองเท้าส้นสูงทำให้หล่อนสูงและดูดีทีเดียว เสื้อยืดรัดแน่นจนคะเนได้ถึงขนาดของหน้าอก ที่แขนข้างซ้ายสะพายกระเป๋าสีม่วงอมดำ.. เขาเพ่งมองหล่อนอยู่สักพักใหญ่ ก่อนเรือโดยสารจะแหวกคลื่นทะมึนมาพรากสายตาเขาไป.. เขาวกกลับเข้าภายในห้องอีกครั้ง ตาควานหาบุหรี่แล้วหยิบมาจุดใหม่อีกมวน เขาหืดควันเบาๆ..

ตะวันเลยเที่ยงมาชั่วครู่ เขาเริ่มหิว.. ตาชำเลืองหากระเป๋าใส่เงิน เขาเดินไปหยิบกางเกงยีนที่วางอยู่บนตะกร้า ล้วงกระเป๋าหลังด้านขวา ควักกระเป๋าใส่เงินออกมาเปิดดู ธนบัตรใบละร้อยสามใบ กับใบยี่สิบอีกจำนวนหนึ่งเรียงอยู่อย่างเรียบร้อย เขาพับกระเป๋าเก็บ ถอดผ้าขนหนูออก สวมกางเกงและรัดเข็มขัด.. เขาเลือกเสื้อจากตะกร้าบางตัวที่มีกลิ่นบางๆ เขาได้เสื่อยืดตัวสีแดง เพิ่งใส่ไปครั้งเดียวเมื่อวาน กลิ่นยังไม่ฉุนมากนัก ยังพอสวมใส่ได้
เขาผลักประตูย่ำเท้าลงบันได เขาไม่เห็นใครอยู่ชั้นล่างของตึก ประตูเปิดอยู่.. เขาย่ำเท้าเดินไปตรงกลางซอย ร้านอาหารประจำของเขาอยู่ตรงนั้น..

ริมถนนในซอย..ผู้คนเดินไปมาวกวน มอเตอร์ไซวิ่งช้าๆ หลีกหลุมบนถนน ร้านค้าหลายร้านเปิดบริการลูกค้าอย่างเช่นวันวาร เขาชำเลืองสายตามองปรากฏการณ์รอบๆ แบบผ่านๆ เข้าไปนั่งตรงโต๊ะมุมในสุด พอเห็นความเคลื่อนไหวภายนอกร้านอยู่บ้าง แต่เหมือนไม่ได้สนใจเสียสักเท่าไหร่ เขาเรียกป้าเจ้าของร้านมาสั่งอาหาร “ผัดกะเพาไข่เยี่ยวม้าราดข้าว” แม่ค้าตอบรับแล้วทักทายตามประสา ก่อนวกกลับไปหยิบน้ำมาเสริฟ.. เขานั่งรออาหารเรื่อยๆ สายตาเพ่งมองออกนอกร้าน.. อากาศยามบ่ายร้อนอบอ้าว เขาจิบน้ำเบาๆ ก่อนเอื้อมไปหยิบหนังสือพิมพ์มาเปิดดู เขาเปิดไปทีละแผ่น พยายามมองดูภาพประกอบ และอ่านข้อความหลักๆ ในแต่ละแผ่น หยุดอ่านบางเรื่องที่น่าสนใจ..
ข้าวราดกะเพาไข่เยี่ยวม้าถูกหยิบมาวางไว้ตรงหน้า เขาหยิบน้ำมาจิบเบาๆ อีกครั้ง ก่อนเอื้อมไปหยิบช้อนและซ้อมมาตักข้าวกิน.. นั่งกินไปพลางสายตายังจดจ่ออยู่ตรงหน้าหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ใกล้จานข้าว เขาอมยิ้มกับข่าวบางเรื่องที่ชวนขำ..

เสร็จเรื่องกิน เขาควักกระเป๋าจ่ายเงินให้ป้า ก่อนย่ำเท้าออกจากร้าน เขาเหลียวมองออกไปต้นซอย เห็นรถราขวักไขว่อยู่บนถนนใหญ่ เขาคิดอยากเดินออกไปข้างนอก อาจไปห้างสรรพสินค้า รู้สึกอยากซื้อของบางอย่าง อยากเจอเพื่อน อยากเดินดูห้าง..อยากโทรหาใครคนหนึ่ง คนที่ชอบชวนเขาเดินห้าง.. เราเคยไปกันบ่อยในวันที่ใครคนนั้นว่างจากงาน เราเดินชมของ ซื้อบางอย่างที่จำเป็น หรือเข้าโรงหนังบ้างในบางครั้ง..
เขาละสายตาหันกลับไปท้ายซอย ก่อนย่ำเท้าเดินกลับไปห้อง..

......

เขาหลับไปนาน.. ตั้งแต่เข้ากลับมาในห้องหลังทานข้าว ภายในห้องมืด ตรงหน้าต่างหรอกที่พอมีแสงสว่างจากไฟตรงถนนสาดเข้ามาบางๆ เขายังไม่ได้ผลัดกางเกงยีนออก ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหน พยายามลำดับเหตุการณ์หลังกลับเข้ามาที่ห้อง รู้สึกงัวเงียนึกอะไรไม่ออก.. สะบัดหัวสองสามทีก่อนลุกขึ้น ดึงกางเกงยีนออก มันรู้สึกคับสิ้นดี เขาพยายามดึงออกให้พ้นน่อง ผ้ายีนมันเสียดผิวหนังรู้สึกระคาย เขานั่งลงยืดปลายขาดึงออกทีละข้าง มันลำบากสิ้นดี กว่าจะหลุดออกมาได้ เขาโยนไปไว้ตรงมุมที่วางพัดลมตั้งพื้น กระเป๋าเงินหลุดร่วงอยู่ใกล้เคียง..
เขาเดินไปเปิดไฟห้อง..แล้วหยิบผ้าขนหนูมานุ่ง กระชับขึ้นมาพ้นสะดือ ถอดเสื้อยืดออก โยนทับเสื้อตัวอื่นๆ บนตะกร้า เขาตรงไปเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อน กะดื่มกาแฟสักถ้วยก่อนอาบน้ำ เขาผลักประตูห้องน้ำเข้าไปยืนตรงอ่างล้างหน้า..สำรวจผิวหน้า มองเข้าไปนัยน์ดวงตา หยุดนิ่งครู่หนึ่ง คิดถึงบางคน คิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัว คิดถึงงาน คิดถึงทะเล..หลายๆ อย่างในความนึกคิดพุ่งชนเขา.. เขาสะดุ้ง.. เปิดก๊อกสาดน้ำล้างหน้า และสะบัดหัวสามสี่ที รู้สึกสดชื่น เดินออกจากห้องน้ำหยิบผ้ามาซับหน้า เขาเดินตรงไปยังหน้าต่าง.. มองออกไปข้างนอก..
ฟ้าทั้งผืนพร่ามัว แสงสีขาวอ่อนๆ จางๆ จากทั่วสารทิศสาดขึ้นเหนือน่านฟ้าโลมเลียความมืด..เขาไม่เห็นเดือน ไม่เห็นดาวที่น่าจะกระจ่างฟ้าในค่ำคืนเช่นนี้..เขานึกไปถึงคืนวันที่เคยอยู่บ้านที่ชนบท เขาชอบนั่งที่ระเบียงหลังบ้าน เพ่งมองดวงดาว..
น้ำในคลองแสนแสบ เหมือนๆ จะนิ่ง หากยังมีคลื่นเล็กๆ ซัดสาดตลิ่งคอนกรีตอยู่สม่ำเสมอ ไม่มีเรือโดยสารแล่นผ่าน เขาหันไปอีกด้านมองออกไปต้นซอย ผู้คนยังขวักไขว่ย่ำเดินไปมา แต่น้อยกว่าช่วงกลางวัน เขานึกอะไรเพลินๆ..
น้ำเดือดแล้ว.. เขาไปชงกาแฟกลับมายังมุมหน้าต่าง สูดดมกลิ่นควันที่โชยอยู่เหนือถ้วยกาแฟ..เขาจิบมันเบาๆ รู้สึกถึงรสชาติกาแฟ ยิ้มบางๆ ก่อนเอื้อมมือไปคว้าบุหรี่มาจุดสูบ หืดควันเข้าปอดช้าๆ ปล่อยควันออกเป็นช่วงๆ เหนืออากาศ รู้สึกผ่อนคลาย..

เขาแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า เห็นแต่ความพร่ามัวที่ทาบทาความมืด.. เขาเพ่งมองท้องฟ้า ขณะใจเกิดปริศนาก่ายกอง ค่อยๆ คิด..คิดถึงบางอย่าง.. บางอย่างในลิ้นชักตู้เสื้อผ้า มันยังอยู่ในนั้น เขาน่าจะเก็บมันไปทิ้งเสียให้หมด หลังจากใครบางคนบอกว่าเขาควรอยู่กับมันเสียดีกว่ามัวทำให้ใครคนนั้นลำบากใจ เขาควรเลือกเสียสักอย่างในชีวิต ใครคนนั้นจากเขาไปเพราะสิ่งนี้เช่นกัน ไม่ใช่แค่เรื่องตกงาน หรือเหตุผลอื่นๆ ทุกอย่างมันคงหลอมรวมกันเป็นความหนักหน่วงในห้วงจิตใจของเธอ.. เขารู้สึกผิด สำนึกกับเรื่องราวที่เพิ่งจะผ่านไปเป็นอดีต.. เขาคิดถึงใครคนนั้น นัยน์ตาเริ่มมีน้ำใสๆ คลอเบ้า.. เขาก้มหน้าลงยกกาแฟขึ้นจิบอีกครั้ง หืดควันบุหรี่เบาๆ ปล่อยควันจางๆ ลอยออกไปนอกหน้าต่าง..
เขาเอนหลังพิงผนังห้อง ขบคิดถึงอดีต เขาเหมือนจะร่ำไห้ แต่ก็ร้องไม่ออก เขายกถ้วยกาแฟขึ้นซดจนหมด..หืดควันบุหรี่อีกครั้งก่อนดีดก้นออกไปนอกหน้าต่าง..เขาวางถ้วยกาแฟกลับเข้าที่ เดินตรงไปผลักประตูห้องน้ำ เขาจะอาบน้ำ..

เสร็จจากออาบน้ำจึงรู้สึกสดชื่นขึ้น เขาวนเวียนอยู่ตรงหน้าต่างและตู้เสื้อผ้าอยู่สี่ห้ารอบก่อนพาตัวเองมานั่งบนฟูกนอน เอื้อมมือไปเปิดพัดลม ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ยกเข่าทั้งสองข้างมากอด เขาเอนหลังพิงผนัง เงยหน้าขึ้นมองเพดาน ครุ่นคิด..
เขาเหมือนได้สติ..ลุกขึ้นบิดเอวซ้ายขวา ก่อนเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้า เปิดลิ้นชักออกสำรวจ..ทุกอย่างยังอยู่ครบครัน เขาหันหน้าสำรวจรอบๆ ห้องอีกครั้ง หยิบสมุดเล่มหนึ่งในลิ้นชักออกมาพร้อมมีดพกขนาดเล็ก เขานำมันมาวางไว้ใกล้ฟูกนอน กลับไปยังลิ้นชักเพื่อควานหาของบางอย่าง เขาเก็บมันไว้ในรางไม้ขีดไฟ หยิบมันขึ้นมาเดินกลับไปตรงฟูกนอน ตาชำเลืองหาบุหรี่ เขาเห็นมันวางอยู่บนขอบหน้าต่างจึงลุกไปหยิบมา..
เขาเปิดรางไม้ขีดไฟออกมาหยิบของบางอย่างซึ่งห่อไว้อย่างดีด้วยพลาสติก เขาคลี่มันออกเบาๆ ฉีกบางส่วนแยกออกจากก้อนใหญ่ เขาวางมันลงบนปกสมุด หันไปหยิบบุหรี่มาฉีกส่วนปลายออกให้ยาเส้นทะลักออกมากองรวมอยู่กับของบางอย่าง เขาใช้มีดซอยยาเส้นกับสิ่งนั้นเบาๆ อย่างละเอียดจนแยกสองสิ่งไม่ออก เขาซอยมันเรื่อยๆ .. สักพักจึงหยุด หยิบมันขึ้นมาดู..
เขาหันซ้ายหันขวามองหาของบางอย่าง ก่อนลุกขึ้นกลับไปตรงลิ้นชัก เปิดมันออก หยิบกระป๋องน้ำซึ่งถูกเจาะรูไว้กลางกระป๋อง สวมกระบอกไม้ท่อนเล็กๆขนาดนิ้วก้อย มีรูผ่าน ตรงปลายบานออกให้พอยัดของบางอย่างลงไปได้ ที่โคนของมันถูกดินเหนียวพอกไว้แน่นกับขวดพลาสติก เขายกมันขึ้นสำรวจรอบๆ ก่อนพาเข้ามาในห้องน้ำ เขาเปิดก๊อกน้ำเบาๆ กรอกเข้ากระป๋องพอประมาณ เขายกมันขึ้นดูอีกครั้งสำรวจรอยรั่ว ไม่เห็นแม้สักจุดเดียว เขาพอใจกับมัน เสยยิ้มบางๆ เขาเลื่อนปากกระป๋องมาจ่อตรงปากของตัวเอง ดูดลมเข้า รู้สึกว่าน้ำในกระป๋องมากเกินไปจึงเทออกนิดหน่อย ลองดูดอีกครั้ง เห็นว่าเหมาะเจาะจึงเดินกลับมานั่งตรงฟูก
เขาลุกขึ้นไปตรงขอบหน้าต่าง สำรวจภายนอก กลับมาเปิดพัดลมเบอร์สามเป่าออกไปยังหน้าต่าง ก่อนวกกลับมาตรงฟูกนอน เขานั่งยองๆ หยิบกระป๋องยกขึ้นมาอัดของบางอย่างที่ถูกซอยไว้อย่างดียัดเข้าใส่ตรงปลายกระบอกไม้ท่อนเล็กที่บานตรงปลาย ใส่มันพอเหมาะไม่ให้แน่นจนเกินไป เขาเอื้อมมือไปหยิบไฟเช็คมา จ่อปากกระป่องเข้ามาตรงริมฝีปาก เขาจุดไฟจ่อไว้ตรงส่วนที่เพิ่งยัดของบางอย่างลงไป ดูดควันจากปากกระป่องเข้าร่างกาย เสียงไฟไหม้ยาเส้นและของบางอย่างดังขึ้นพร้อมกับเสียงน้ำในกระป๋องที่เต้นรัวเหมือนโดนเขย่า เขาดูดจนของบางอย่างที่ถูกยัดไว้โดนไฟเผาเกลี้ยง .. วางกระป๋องไว้ใกล้ปลายเท้า ปล่อยควันโขมงสู่อากาศ ให้พวยพุ่งแหวกน่านอากาศอบอ้าวภายในห้อง น้ำในตาคลอเบ้า เขาก้มหน้าลงเช็ดปาก ส่ายหน้าไปมาสามสี่ที เขายัดรอบใหม่อีกครั้งเหมือนเดิม ดูดเข้าไปอีกสองสามครั้ง ปล่อยควันโขมง สักพักจึงถูกแรงพัดลมไล่ออกภายนอกหน้าต่าง..
เขารู้สึกผ่อนคลาย เลื่อนอุปกรณ์ทุกอย่างไว้ตรงมุมใกล้ตู้เสื้อผ้า เขาลุกขึ้นมาหันพัดลมกลับเข้าที่เช่นเดิม สำรวจภายนอกหน้าต่าง เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ตรงกลางผืนฟ้าเมฆหนาสีดำอมเทากระจายอยู่ทั่ว เขาเห็นเสี้ยวจันทร์อยู่รำไร.. เขารู้สึกดีกับผืนฟ้าคืนนี้ วกกลับมาตรงฟูก เขาเสยยิ้มบางๆ กับสายลมซึ่งโชยเข้ามาภายในห้อง กลิ่นอายแห่งน่านน้ำแสนแสบแฝงมากับสายลม เขาสูดกลิ่นมันเบาๆ นึกถึงเกลียวคลื่นที่ม้วนตัวเหนือน่านน้ำคลองแสนแสบ..
ภายนอกยังคงเสียงจอแจของผู้คนบนถนนบางส่วน รถราในเมืองกรุงยังคงโกลาหล เขาหลับตานึกถึงรอยยิ้มของผู้คนบนถนน รอยยิ้มของวณิพกซึ่งลำนำชีวิตทรหดอยู่บนทางเท้า รอยยิ้มของตำรวจซึ่งมุ่งมั่นขยันทำงานและ ของใครอีกหลายๆ คนที่เดินสวนทางกัน.. เสียงป้าข้างบ้านยังคงทำอะไรบางอย่าง ส่งเสียงดังอยู่เรื่อยๆ หายไปสักระยะ ก็จะได้ยินขึ้นมาอีกครั้ง เรื่อยๆ.. เขาพยายามนึกไปถึงที่มาของเสียง ป้าคงกุลีกุจอกับการเตรียมของไว้วันพรุ่ง เขาเสยยิ้มจางๆ ภูมิใจในความขยันหมั่นเพียรของป้า เขาคิดถึงเสียงเด็กน้อยสองคนหลานคุณป้า ทั้งสองคงสนุกน่าดูกับกิจกรรมที่โรงเรียน กลับมาหมดเรี่ยวแรง ป่านนี้คงหลับปุ๋ย..
เขาลืมตาขึ้นมองออกไปนอกหน้าต่าง จากจุดที่เขาอยู่พอให้แลเห็นพระจันทร์อยู่บางส่วน แม้เมฆหนาจะพร่ามัว ลมจากภายนอกโชยเข้ามาภายในห้องให้ผ้าขนหนูที่เขาตากไว้สะบัดไหวเบาๆ เขาเหลือบไปมองมันอยู่นานจนลืมสังเกตว่าดวงจันทร์เพิ่งโผล่ออกมาจากหมู่เมฆ เขาหันกลับมามองพระจันทร์เสี้ยว แสงของมันอ่อนโยน นุ่มนวล เขายกมือทั้งสองข้างมารองศีรษะ ยกขาข้างขวาขึ้นก่ายเข่าด้านซ้าย กระดิกปลายเท้าเบาๆ พอเป็นจังหวะ..
เขาส่งยิ้มทักทายพระจันทร์.....
....................................................................

ธันวาคม 2553
เรือนศิลป์กะรักษ์