วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

เรื่องสั้น ลมตะวันออกและผ้าห่มที่เสียไป


เรื่องของฉันไม่น่าสนใจหรอก.. ก็แค่เรื่องของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกับสิ่งที่ให้ความอบอุ่นอยู่เสมอ และมันเพิ่งเสียไป ฉันไม่โทษตัวเอง แต่ก็อดที่จะหมั่นไส้เจ้าลมตะวันออกผู้รวนเรไม่ได้.. มันไม่เคยนึกสนใจความรู้สึกของผู้อื่นหรอก หรือมันอาจจะไม่มีหัวใจเลยด้วยซ้ำ มันคอยแต่พัดมา พัดมา แล้วก็พัดไป..

วันทั้งวันฉันมีอะไรให้ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง ทั้งเรื่องจัดบ้าน ปลูกดอกไม้ประดับบ้าน ไปจนถึงหุงข้าวทำแกงในบ้าน..

แม่บอกฉันเกิดเป็นลูกผู้หญิง ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้การออกเรือหาปลาอย่างพ่อ แต่ควรอยู่กับบ้าน ดูแลและฝึกรับผิดชอบงานบ้านทั่วไป

บ้านของเราหลังไม่ใหญ่มาก เป็นบ้านไม้ที่ถูกสร้างให้ยื่นออกไปในลำคลอง หลังบ้านฝั่งตะวันออกมีระเบียงที่ยื่นออกมาเล็กน้อย มีรั้วสูงประมาณสะเอวของพ่อกั้นไว้ด้วยไม้ขนาดลำแขน เบื้องหลังระเบียงคือลำคลองที่มีน้ำขึ้นน้ำลง สายของมันเคี้ยวคดเหมือนงูใหญ่เลื้อยตัดป่าโกงกางก่อนออกสู่ทะเล ริมฝั่งคลองเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานา ฉันรู้จักเพียงไม่กี่ชนิด บางชนิดมีรูปร่างอัปลักษณ์ แตกต่างจากพันธุ์ไม้บกทั่วไป รากของมันที่ดูเก้งก้างไม่เป็นระเบียบ บางชนิดมีรูปทรงสูงใหญ่ ใบแข็งออกผลออกมาคล้ายส้มโอ แต่กินไม่ได้ บางชนิดคล้ายต้นหวายมีหนามเต็มต้นไปหมด

พืชพันธุ์ในป่าโกงกางมีมากมาย สัตว์น้ำก็หลากหลาย พวกมันอยู่ร่วมกัน ตรงชายเลนยามน้ำลง ฉันเห็นปูและปลาตีนอยู่เกลื่อนกราด พวกมันมีเยอะแยะมากมาย ส่วนในน้ำเมื่อมองจากระเบียงหลังบ้านแล้ว เห็นฝูงปลากระบอกมากมายว่ายเวียนวน พวกมันชอบเล่นผิวน้ำ ไม่เหมือนปลาชนิดอื่นๆ

ในลำคลองชาวบ้านหลายคนออกทำมาหากินตามคืนวันที่ผลัดเปลี่ยนและแตกต่างอยู่เสมอ พอถึงช่วงน้ำใหญ่หรือช่วงที่น้ำขึ้นสูง เช้าๆ ก็จะเห็นชาวบ้านหลายๆ คนพาเรือเล็กออกพร้อมไซดักปูในลำคลองและตรอกเล็กๆ ที่เข้าไปในป่า ช่วงน้ำตายหรือน้ำนิ่งๆ ก็จะมาตกปลา ดักอวนกัน ริมฝั่งคลองด้านทิศตะวันตกกระจัดกระจายไปด้วยแพปลา แต่ละห้องเลี้ยงปลาตัวโตๆ ดำผุดและเวียนว่ายอยู่เต็ม เวลาชาวบ้านนำเหยื่อมาโยนให้ พวกมันก็จะแย่งกัน บางตัวกระโจนเกือบพ้นผิวน้ำ..

หลังบ้านของเราก็เช่นกัน พ่อมีแพปลาอยู่สามห้อง เลี้ยงทั้งปลาเก๋าและปลากะพง ทุกๆ สามวันพ่อจะซื้อเหยื่อซึ่งเป็นพวกปลาทู ปลาทรายตัวเล็กๆ มาให้แม่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และให้ฉันไปหว่านลงในแต่ละห้อง ปลาที่เลี้ยงไว้พวกนั้นตื่นเต้นน่าดูเวลาเห็นฉันหิ้วถังเหยื่อเดินข้ามแผ่นไม้บนแพปลาผ่านมา พวกมันทั้งกระโจน ดำผุดกันจ้าละหวั่น..

นอกจากเลี้ยงปลาแล้ว ในแพปลาเรายังสามารถเก็บสาหร่ายซึ่งงอกอยู่เต็มเนื้ออวนและสายสมอซึ่งยึดแพปลาไว้ ทุกๆ เช้าหากไม่มีงานอื่นๆ เข้ามาแม่และพ่อเลยสาละวนอยู่กับการเก็บสาหร่าย เราเก็บใส่เข่งได้วันละหลายกิโลก่อนนำส่งไปขายในตลาด

แต่ก่อนพ่อเคยออกไปลากอวนอยู่กลางทะเลบ่อย ไปทีละหลายๆ วัน กลับมาพร้อมปูปลามากมี พ่อไม่มีเงินพอจ้างลูกน้องมาช่วย แม่ก็เลยจำเป็นต้องร่วมทางไปกับพ่อ ฉันต้องอยู่บ้านคนเดียวบ่อย จนชินกับการต้องรับผิดชอบตัวเองทั้งหุงข้าวหาปลา และเตรียมไปโรงเรียนในตอนเช้า ค่าขนมของฉันแม่ไม่เคยลืมหรอก ทุกครั้งแกจะหยอดกระปุกเก็บไว้บนหิ้งเหนือที่นอนให้ฉันควักมาใช้ได้ บางครั้งก็ไม่พอ หากวันไหนพ่อและแม่กลับเลยกำหนด เงินในกระปุกหมด ฉันก็งดไปโรงเรียน อยู่บ้านหุงหากับข้าวกินเอง หรือบางครั้งก็ฝากท้องไว้กับญาติๆ ข้างบ้าน

เดี๋ยวนี้พ่อหยุดออกทะเลมาสักระยะหนึ่งแล้ว เพราะค่าน้ำมันเรือมันสูงขึ้น พ่อบอกมันไม่ค่อยคุ้มกับจำนวนปลาที่ได้มา ลำพังเรือเล็กๆ อย่างเราออกไปในทะเลใกล้ๆ หาปลาตามรอยคนอื่นจะไปคาดหวังอะไรมาก ดีหน่อยหรอกหากมันพลาดจากเรือลากอวนใหญ่มาติดอวนเล็กของเราบ้างก็ถือว่าโชคดีแล้ว

พ่อเลยกลับมาเอาดีกับแพเลี้ยงปลา ถึงต้องรอนานหน่อยกว่าจะจับมาขายได้ แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องลงทุนมาก แค่สร้างแพขึ้นมาในระยะแรกๆ จากนั้นก็ต้องคอยทะนุบำรุงรักษาสภาพของมันอยู่เสมอ ส่วนพันธุ์ปลาที่เอามาเลี้ยงก็ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อ เราทำไซปลาขึ้นเอง แล้วไปดักลูกปลาเก๋าและปลากะพงเอาในคลอง ได้ก็เอามาปล่อยและดูแลให้อาหารมัน..

นอกเหนือจากเลี้ยงปลา พ่อกับแม่เลยมีเวลาทำอย่างอื่น.. เวลาหน้าน้ำใหญ่ พ่อก็จะดักไซปู หรือบางครั้งออกไปปากอ่าวเพื่อช้อนแมงกะพรุน ส่วนแม่ก็จะติดไปช่วยพ่อทุกครั้ง..

งานในบ้านทั้งหมดเลยตกมาอยู่กับฉัน.. หลังเรียนจบชั้นประถมมา ฉันเลยไม่ได้เรียนต่อ กลับมาอยู่บ้าน ดูแลงานบ้านระหว่างพ่อและแม่ออกไปทำงาน..

ฉันตื่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังจมอยู่หลังผืนป่าโกงกางทุกวัน ขณะพ่อและแม่เพิ่งจะออกเรือแหวกม่านหมอกสู่ปากอ่าว งานแรกของฉันคือการนำเหยื่อไปโปรยให้ปลาในแพ เสร็จจากนั้นก็กลับเข้ามากวาดบ้าน ซักผ้า และเสร็จภารกิจยามเช้ากับการเตรียมมื้อเที่ยงไว้รอพ่อและแม่ ซึ่งอาจกลับมาบ่าย หรือบางวันก็ถึงเย็น

ยามบ่ายน้ำขึ้นเอ่อล้นตลิ่ง แพปลาสูงขึ้นตามระดับน้ำ ปลาพวกนั้นกระโดดโลดเล่นอยู่ภายในเนื้ออวน พวกมันคงเริงร่ากับกระแสน้ำใหญ่ ลมตะวันออกพัดโชยให้ปลายยอดพังกาเอนไหว กระแสของมันพัดละลิ่วผ่านเข้ามาในบ้าน แฝงกลิ่นเลนคลุ้งอบอวล บางครั้งมันพัดโชยเข้ามาเบาๆ เอื่อยๆ แฝงความหนาว ชุ่มฉ่ำ กระทบผิวกายให้พอสดชื่น แต่บางครั้งมันโถมเข้ามาอย่างกับพายุพัดพาเศษใบไม้จากอีกฝั่งคลองลอยเคว้งคว้างกลางอากาศก่อนปลิวมาหล่นเพ่นพ่านเกลื่อนบริเวณบ้าน ฉันต้องคอยเก็บกวาดตามหลังอยู่ตลอด..

หน้าบ้านของเรามีต้นมะขามสูงใหญ่ ตรงบ่อน้ำใช้ข้างบ้านซึ่งห่างจากตัวบ้านประมาณสี่เมตร กิ่งก้านของมันแผ่ขยายคลอบคลุมตั้งแต่บริเวณบ่อน้ำไปคลุมหลังคาบ้านเกือบทั้งหลัง ฝักมะขามพวกนั้นกำลังสุกได้ที่ พอโดนลมกรรโชกแรงจนกิ่งก้านสั่นไหว ฝักพวกนั้นก็จะหล่นลงมาเกลื่อนโคนต้น บ้างพลัดหล่นลงในบ่อ ตรงหลังคา ทั้งบริเวณหน้าบ้านซึ่งเป็นลานทราย.. ฉันต้องคอยเก็บกวาดอยู่ทั้งวัน มันไม่ใช่มีแค่ฝักมะขาม แต่มันติดมาทั้งใบและกิ่งก้านที่ผุกร่อนกระจัดกระจาย..

ดีหน่อยกับฝักมะขามสุกพวกนั้น พอให้ฉันได้เพิ่มรายได้ช่วยครอบครัว ฝักสุกๆ นำมาแกะเปลือกออก ทำเป็นก้อนๆ ส่งขายร้านค้า.. ฉันจึงมีรายได้บ้าง.. แต่ปัญหาที่เจอะเจออยู่ทุกวี่วันคือพวกใบและกิ่งก้านเล็กๆ ที่มันตกลงไปในบ่อน้ำ และเกลื่อนอยู่บนลานทรายนั่นแหล่ะ ฉันต้องคอยเขี่ยมันขึ้นมาจากบ่อ เก็บกวาดลานทราย บางทีกิ่งใหญ่ๆ หล่นลงมาทับกระถางดอกไม้แตก หรือปลายช่อหัก..เห็นทุกทีเป็นต้องอารมณ์เสีย ลมตะวันออกพัดกรรโชกแรงทุกที มีทั้งเรื่องที่ดีและน่าเบื่ออยู่เสมอ..

วันหนึ่ง ฟ้าทั้งผืนดูโปร่งใส เห็นสีครามทั้งผืนถูกทาบทาจางๆ ด้วยหมู่เมฆสีหมอก แดดจ้าตั้งแต่ช่วงสาย น้ำในคลองขึ้นสูงด้วยตรงกับข้างขึ้นสิบห้าค่ำ มองป่าโกงกางเห็นสีเขียวสดชื่นเต็มที่ ลมโชยเข้ามาระเบียงบ้านเอื่อยๆ.. เสร็จภารกิจอย่างอื่นในบ้าน ฉันเลยนำผ้าห่มและปลอกหมอนจากห้องนอนออกมาซักตรงบ่อน้ำหน้าบ้าน เสร็จก็นำมาบิดไว้หมาดๆ ก่อนผึ่งแดดไว้ตรงรั้วระเบียงหลังบ้าน จากนั้นก็พาร่างเหนื่อยอ่อนของตัวเองมาหย่อนกายลงงีบหลับในบ้าน..

สักพักหนึ่งหรอก เสียงลมแรงระลอกใหญ่พัดกิ่งมะขามคำรามอยู่เหนือหลังคาบ้าน ทั้งกิ่ง ก้านและฝักมะขามหล่นกระทบหลังคาบ้านดังสนั่น ฉันรีบวิ่งออกมาหน้าบ้านเห็นทั้งฝักและใบของมันหล่นเกลื่อนกราดตามเคย มีเรื่องให้ต้องเหนื่อยอีกแล้ว ฉันรำพึงเบาๆ

ฉันต้องเหนื่อยอย่างนี้อยู่เสมอ.. พ่อน่าจะตัดต้นมะขามเสียให้สิ้น.. ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องเหนื่อยอีกหลายๆ รอบ ลมตะวันออกก็เหมือนกัน มันพัดได้พัดดี พัดอยู่ได้ทุกวี่วัน บางวันโชยเข้ามาเบาๆ แฝงความหนาว กลิ่นอายผืนป่า เช่นนี้ น่าชื่นชมหน่อย หากเวลาไหนที่มันไม่รู้ไปโกรธใครแล้วมากรรโชก โถมซัดเอากับเราแบบนี้มันไม่ยุติธรรม.. ลมนิ่งลงแล้ว ฉันจับด้ามไม้กวาด ปัดกวาดลานทราย ขนกิ่งและใบของมันรวมไว้เป็นกอง ส่วนฝักของมันก็เก็บมาลงเข่งไว้แกะเปลือกออกในตอนเย็น..

เสร็จจากนั้น ถึงได้กลับมาหลังบ้าน.. ใจหาย ตรงรั้วระเบียงว่างเปล่า ฉันเพิ่งนึกออกว่า ผ้าห่มเคยพึ่งแดดอยู่ตรงนั้น.. ฉันรีบเดินมาดูหลังรั้วระเบียง.. ผ้าห่มของฉัน.. มันลอยเด่นอยู่เหนือผิวน้ำ..ทั้งผืนกางออกแผ่ขยายกระเพื่อมไปตามแรงน้ำ ปลายของมันด้านหนึ่งติดอยู่กับสายสมอแพปลา ปลากระบอกฝูงหนึ่งกำลังว่ายวนเวียนไปมารอบๆ ผืนผ้าห่ม บางตัวฉกเฉียวเล่นอย่างกับผ้าห่มของฉันกลายเป็นของเล่นใหม่ของมัน.. ฉันควรทำเช่นไรดี..

เย็นลงแล้ว.. ฟ้าฝั่งตะวันออกทอสีชมพูจางๆ เจือด้วยหมู่เมฆสีขาวปนคล้ำ ป่าทั้งผืนสงบนิ่ง น้ำในคลองไหลลงเชี่ยวกรากกลับคืนสู่ทะเล บริเวณที่ผ้าห่มของฉันตกลงไปเริ่มแห้งขอด..ผ้าห่มยังอยู่จุดเดิม มันวางอยู่บนดินเลน ซึ่งเริ่มมีปูก้ามดาบบางตัวไต่วกวนไปมา คราบโคลนตมเปื้อนอยู่เต็มผืน..

พ่อและแม่กลับมาตอนเย็น เห็นฉันหน้าตาเศร้า จึงเอ่ยถามถึงสาเหตุ ฉันบอกเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พ่อเพียงยิ้มบางๆ ลูบหัวฉันเบาๆ ปล่อยมันไปเถิดลูก เดี๋ยวค่อยหาใหม่ ผ้าอมน้ำทะเลและรอยเปื้อนดินเลนเช่นนี้เราไม่ควรนำกลับมาใช้ เดี๋ยวมะรืนนี้มีตลาด ค่อยให้แม่หาซื้อผืนใหม่ให้

ฉันเสียใจและนึกเคืองเจ้าลมตะวันออกตัวแสบอยู่ลึกๆ มันน่าเจ็บใจจริงๆ ทุกๆ วันมันทำให้ฉันมีเรื่องต้องเหนื่อยอยู่เสมอ อีกทั้งวันนี้มันยังพรากของใช้ของฉันไปอีก ฉันนึกโกรธมันจริงๆ

หลายวันผ่านไป ผ้าห่มผืนนั้นยังคงอยู่จุดเดิมไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน ยามน้ำขึ้นมันก็จะลอยสูงขึ้นตามระดับน้ำมาล่อตาล่อใจฉันให้นึกหมั่นไส้เจ้าลมตะวันออก พอน้ำลงมันก็จมขี้ปลักชายเลนอยู่ตรงจุดเดิม..ฉันนั่งมองมันด้วยหัวใจอิดโรย..ฉันเสียมันไปแล้ว..

เรือนศิลป์กะรักษ์, มีนาคม 2554