
บังอุหมอดลุกขึ้นแต่เช้าตรู่พาอาลีลูกชายวัยสิบเอ็ดขวบ แจวเรือล่องตามลำคลอง... จุดมุ่งหมายของทั้งสองคือดงเสม็ดบนโคกกลางผืนป่าโกงกาง แกตัดไม้ขนาดท่อนแขนยาวสี่เมตรแปดต้นให้อาลีขนลงเรือ จากนั้นก็นำกลับมาเหลาโคนให้แหลมปักเป็นเสาข้างละสี่ ตามความกว้างยาวที่พอเหมาะก่อนล้อมไว้ด้วยอวน ส่วนภายในแกได้ไม้ที่หาได้รอบๆ บ้านมาก่อเป็นกระต๊อบเล็กๆ ไม่ต้องยกพื้นขนาดความกว้างสองเมตรยาวสามเมตรเศษๆ และใช้สังกะสีเก่าๆ ที่เหลือจากสร้างบ้านมามุงเป็นหลังคาอย่างมิดชิด .. แกจะทำเล้าเป็ด..
ข่าวเรื่องรถเร่ขายลูกเป็ดไข่ซึ่งพ่อค้าจากภาคอีสานนำมาเต็มคันรถ เพิ่งเข้าหูแก ลูกค้าร้านน้ำชาขาประจำมาคุยกันแต่เรื่องนี้ บางคนซื้อมาเลี้ยงสามสิบถึงสี่สิบตัว วิธีเลี้ยงไม่ยากและหนักหนาอะไรมากมาย แค่ซื้ออาหารกระสอบกะประมาณพอเหมาะในแต่ละวัน พร้อมน้ำใส่กะละมังไว้ แค่นั้นก็เฝ้ารอให้มันเจริญเติบโตเองตามธรรมชาติและรอเก็บไข่มากินหรือขายได้
บังอุหมอด ชายวัยประมาณสามสิบปลายๆ แกยังดูหนุ่มอยู่เสมอ เพราะแต่งงานมีลูกเร็วและต้องรับผิดชอบครอบครัวหรอก แกถึงดูเป็นผู้ใหญ่ ลักษณะรูปร่างแกเป็นคนร่างอ้วน ผิวคล้ำ พุงยื่นออกมาพอเหมาะ ไม่ถือว่ามากนัก ชอบนุ่งผ้าขาวม้าสีแดงสลับดำจางๆ ผืนเดียว ไม่ชอบใส่เสื้อ เหมือนพยายามโชว์พุงและขนหน้าอกที่มีอยู่เป็นหย่อมๆ ตรงกลางระหว่างนม หน้าตาของแกดูเข้ม ขรึม ผมหยิกยาวประมาณติ่งหู เวลาแดดส่องแลเป็นสีแดงจางๆ สลับดำ มีหนวดเคราหนาพอประมาณ เพราะค่อยๆ เล็มอยู่เสมอ
แกไม่ค่อยมีเวลาว่างอย่างคนอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ยึดอาชีพประมง หากไม่ออกทะเล หรือดักปูหาปลาในคลองกันแล้วถึงมีเวลาเหลือทำอย่างอื่น หรือไปมาหาสู่กับเพื่อนฝูง
บ้านของแกเป็นร้านค้าของชำและร้านน้ำชาร้านเดียวในชุมชน ตั้งแต่หัวรุ่งแกกับภรรยาต้องออกจากบ้านด้วยรถมอเตอร์ไซพ่วงข้างเพื่อจับจ่ายตลาด ทั้งผักสด กับข้าว อาหารแห้งมาวางขายหน้าร้าน กลับมาก็ต้องเตรียมการหาฟืนก่อไฟให้ภรรยาทอดขนมกล้วยแขกขาย ตกเที่ยงต้องไปวิดน้ำเรือ แกมีเรือเหมือนคนอื่นๆ แต่ไม่ค่อยได้ใช้อย่างอดีตที่เคยออกทะเลหาปลา มีบ้างบางครั้งที่เคยคิดจะขายให้เพื่อนบ้าน แต่คิดไปคิดมาหลายๆ รอบก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจนึก เพราะเรือลำที่มีอยู่นั้นเป็นเรือซึ่งตกทอดมาจากรุ่นพ่อ อย่างน้อยมีไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ถึงแม้ไม่ได้ใช้เหมือนอย่างคนอื่นๆ ทุกวัน หากแต่บางครั้งจะเข้าไปตัดไม้ เก็บพืชผักในป่าโกงกางบ้าง ก็ไม่ต้องไปหยิบยืมเรือของใคร
ตกบ่ายแก่ๆ หลังได้มีเวลาพักผ่อนสักสองชั่วโมง ภรรยาก็จะปลุกแกขึ้นมารดน้ำพรวนดินในสวน ซึ่งแกได้ปลูกพืชผักจำพวกถั่วฝักยาว ขิง ข่า ตะไคร้ ผักหวาน ชะอม ฯลฯ ไว้มากมาย แกไม่อยากซื้อผักประเภทนี้ในตลาด เห็นว่ามันปลูกง่าย และจำเป็นต้องใช้อยู่เสมอ ปลูกเองกินเองเสียดีกว่าไปขนมาจากที่อื่นๆ.. ผักที่แกซื้อมาขายจากตลาดล้วนเป็นประเภทที่ชาวบ้านไม่ค่อยปลูก หรือปลูกก็ไม่ขึ้น เนื้อดินที่นี่มันเป็นดินร่วนปนทรายเสียส่วนใหญ่
แกเคยร่วมเลี้ยงปลากะชังกับเพื่อนบ้าน ล่าสุดจับปลาขึ้นมาขายไม่ได้ราคา ซ้ำยังต้องใช้เวลาพอสมควรที่จะจับมากินมาขายได้ ภรรยาแกไม่อยากรอนานๆ ภาระในบ้านบางส่วนจำเป็นต้องหารายได้ต่อวัน แกเลยเลิกและหันมาลงทุนเปิดร้านค้าของชำและร้านน้ำชา อย่างนี้ดีเสียยิ่งกว่า เช้าๆ กลับจากตลาดมาเปิดร้าน แกก็มีลูกค้าแน่นอนที่ต้องมาซื้อหาของกินของใช้ บ้างมานั่งสั่งน้ำชา กาแฟ.. ร้านแกเลยกลายเป็นเสมือนศูนย์กลางของชุมชน ที่ซึ่งใครๆ ต่างไปมาหาสู่ จับจ่ายสินค้าในร้าน ทั้งเป็นที่สภากาแฟของคอการเมืองหรือเรื่องต่างๆ สัพเพเหระ..
แกเลยรู้เรื่องความเคลื่อนไหวต่างๆ ภายในหมู่บ้าน ไม่ว่าเรื่องราวของใคร ครอบครัวไหนเป็นอยู่อย่างไร ใครเข้าออกในชุมชนบ้าง หรือใครออกทะเลได้ปูปลามาเท่าไหร่แกรู้เรื่องทันเสียทั้งหมด..
จนมีคนมาพูดเรื่องรถเร่ขายลูกเป็ดไข่ที่ร้าน..ราคาของมันแค่ตัวละสิบบาท ลูกค้าแกคนหนึ่งซื้อไว้ตั้งยี่สิบตัว บางคนซื้อสามสิบถึงสี่สิบตัว ตอนนี้ต่างก็ทำเล้าไว้หลังบ้าน เฝ้ารอให้ถึงเวลามันออกไข่ .. บังอุหมอดได้ยินเรื่องดังกล่าวก็อดที่จะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อนบ้านเหล่านั้นไม่ได้ บางคราเกือบลืมชงชาให้ลูกค้าในร้านเพราะมัวแต่สอบถามแต่เรื่องของลูกเป็ดไข่ บางคนแนะนำให้แกรีบทำเล้าเสียก่อน รถเร่ขายมันจะแวะเวียนมาอีกสองสามวัน.. แกคงตื่นเต้นใหญ่ เฝ้านึกคิดแต่เรื่องลูกเป็ดไข่ และหาช่วงเวลาว่างๆ ปรึกษากับภรรยาเรื่องทำเล้าเลี้ยงเป็ดตรงเนื้อที่ว่างหลังบ้าน..
เวลาสายของเช้าวันแดดจ้า.. หลังลูกค้าร้านน้ำชาของแกทยอยออกจากร้านสู่หน้าที่การงานตั้งแต่แดดยังอ่อนๆ บังอุหมอดก็รีบจัดเก็บของ ล้างถ้วยชากาแฟในร้านก่อนมาช่วยภรรยาใส่ฟืนในเตาทอดขนมกล้วยแขก .. ภรรยาแกเหมือนรู้และเห็นงามกับเรื่องเลี้ยงเป็ดไข่ดังที่ลูกค้าหลายคนในร้านพูดพร่ำกันตั้งแต่เช้า เลยชิงเอ่ยถามแกขึ้นมาก่อน
“สนใจเลี้ยงเป็ดกับเขาด้วยหรือ” บังอุหมอดยิ้มเงยหน้าขึ้นจากเตาหยักคิ้วข้างหนึ่งให้กับภรรยา..
“ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องยาก พรุ่งนี้เราน่าจะต้องรีบซื้อของในตลาด จะได้รีบกลับมาไวๆ ฉันจะได้พาอาลีลงไปตัดไม้เสม็ดมาล้อมอวนทำเล้าเป็ดไว้หลังบ้าน” บังอุหมอดตีหน้าเข้มสื่อความตั้งใจให้ภรรยาเห็น
“บังก็เอาซิ.. อย่างน้อยทำเล้าเสร็จ ซื้อลูกเป็ดมา ก็ให้อาลีมันดูแล ทั้งคอยเก็บไข่มาขายหน้าร้านได้ กลับจากโรงเรียนมา ก็เห็นมันเที่ยววิ่งเล่นกับเพื่อนอยู่หรอก มีงานให้ทำบ้างก็หน้าจะดี” ภรรยาบังอุหมอดแทรกความตั้งใจเสริม
“ไม่เป็นไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันหรอก”
“งั้นขากลับจากตลาดพรุ่งนี้เช้าเราก็ซื้ออาหารเป็ดติดรถมาด้วยเลย ซื้อมาเยอะๆ” บังอุหมอดดูตื่นเต้นใหญ่
....
สองสามวันหลังจากนั้นบังอุหมอดไม่ยอมออกจากบ้านไปวิดน้ำเรือในช่วงบ่าย ปล่อยเรือหัวโทงของแกซึ่งผูกไว้ตรงท่าเรือริมคลองเต็มไปด้วยน้ำที่ซึมเข้ามา.. ทุกๆ บ่ายเคยเห็นแกออกมาวิดน้ำเรือ แม้บ่อยครั้งนักที่แกลากขึ้นมาหงายท้องทาชันใหม่เพื่อปิดรอยรั่วเล็กๆ ที่เกิดจากการชอนไชของแมลง หรือรอยรั่วเล็กๆ ที่ไม่เคยรู้สาเหตุ แต่ก็ยังมีน้ำซึมเข้ามาภายในอยู่เสมอ บางวันหากฝนตกลงมาแกก็ต้องรีบมาวิดน้ำออก ปล่อยไว้จะเสี่ยงเรือจม เพราะเมื่อน้ำขึ้นหนุนมาจากทะเลมากๆ หากปล่อยไว้ คงต้องเกณฑ์เพื่อนบ้านมาช่วยยกขึ้นจากน้ำหลังมันจมลงก้นคลอง..
แกได้แต่ป้วนเปี้ยนไปมา ทำโน่นทำนี่อยู่บริเวณบ้าน บางทีถือจอบตรงไปหลังบ้านถากหญ้า เก็บกวาดบริเวณภายในเล้าเป็ด บางทีก็ยืนพิงเสาเล้าเป็ดมือกอดอกอยู่เฉยๆ มองดูภายในเล้าเป็นเวลานานๆ.. สักพักแกจะเดินกลับออกมาหน้าบ้านแล้วถามเรื่องรถเร่ขายเป็ดจากภรรยา แกไม่อยากออกไปไหน อยากอยู่รอรถขายเป็ด เผื่อมันผ่านมาจะได้รีบดักเอาไว้..
“บังไม่ต้องห่วงหรอก ฉันอยู่หน้าบ้านทั้งวัน หากผ่านมา ก็เห็นซิ บังไปท่าเรือเถอะ” ภรรยาบังหมอดรี่ตาหลบควันไฟขณะสาละวนอยู่กับการสุมไฟในเตา เมื่อเห็นท่าทางของสามีดูเคร่งเครียด เงียบขรึมไม่ยอมพูดยอมจา เลยเสนอให้ไปวิดน้ำเรือ..
แดดยามบ่ายแก่ๆ ค่อยๆ เจือจางลง แกยังเดินไปเดินมาอยู่สองสามที่ สะบัดผ้าขาวม้าผูกกระชับใหม่ตั้งหลายหน สีหน้าแกดูซึมๆ ไม่ยอมพูดยอมจา แม้ลูกค้ามาซื้อของในร้าน แกก็ไม่ได้ยิ้มแย้มหรือกล่าวทักทายใดๆ..
จนแว่วเสียงประกาศของรถขายเป็ดผ่านลำโพงตรงหัวรถกระบะสีแดงป้ายทะเบียนบอกชื่อจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานดังเข้ามาในรูหูทั้งสองข้าง แกยิ้มแห้งๆ ออกมาตรงมุมปาก ก่อนเรียกภรรยาให้เอาเงินในลิ้นชักมาให้ วิ่งไปยืนรอตรงริมถนนหน้าบ้าน ดูกระบะคันดังกล่าวค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาช้าๆ ก่อนมาจอดอยู่ตรงหน้า..
เสียงประกาศตรงตู้ลำโพงถูกรี่เสียงให้เบาลง ก่อนคนในรถสองคนจะเปิดประตูรถลงมาทักทาย..
“เป็นไงบัง จะซื้อเป็ดไหม ตัวละสิบบาท วันนี้ขายไปแล้วเกือบสามสิบตัว บ้านต้นซอยเขาซื้อไป” คนขายเปิดประตูรถลงมาส่งรอยยิ้มกว้างๆ เห็นไรฟัน
“เอาซิ” บังอุหมอดเดินตรงไปยังท้ายรถ เห็นลูกเป็ดหลายตัวตัวส่งเสียงร้องเอะอะดังไม่เป็นภาษา แกยิ้มใหญ่แล้วหันไปเรียกภรรยามาช่วยเลือกลูกเป็ด
“เลือกเอาเลยบัง..ตัวเมียหมด” คนขายเชียร์ใหญ่
แกเลือกเอาแต่ตัวใหญ่ๆ สามสิบตัว เฟ้นเอาแต่ตัวร้องเสียงเบาๆ แกบอกจะได้ไม่รำคาญหู ทั้งภรรยาและแกช่วยกันขนไปใส่ในเล้า และโปรยอาหารให้..
“ขอบใจมากบัง.. ไม่ต้องห่วงอีกไม่นานได้กิน” คนขายโบกมือลา ก่อนค่อยๆ เคลื่อนรถหายไป..
บังอุหมอดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับฝูงเป็ดในเล้า แกเดินไปเดินมารอบๆ เล้าตรวจดูร่างอวนที่ล้อมไว้เผื่อมีรอยฉีกขาดหรือยังไม่ได้ปิดไว้ดีพอ.. ตกกลางคืนแกก็เดินมาดูและเปลี่ยนน้ำในกะละมังอยู่เสมอ
....
เป็ดพวกนี้โตวันโตคืน.. กินอาหารเยอะกว่าที่บังอุหมอดเคยคิด เช้าทีบ่ายที แถมยังร้องเอะอะกันทั้งฝูงให้ต้องโปรยอาหารให้อีกรอบในช่วงค่ำ.. บางครั้งเหมือนไม่มีเหตุผลใดๆ มันก็ร้องเอะอะดังลั่น วิ่งตามกันไปมุมโน้นทีมุมนี้ทีอยู่ทั้งวัน บางช่วงบังอุหมอดแกเคยอยากลองปล่อยให้มันออกมานอกเล้าบ้าง แต่คิดดูอีกทีหากมันทั้งหมดกระจายกันไปคนละทิศละทาง คงต้องตามต้อนกลับกันแย่ แกเลยปล่อยให้มันร้องเอะอะกันอยู่เช่นนั้น.. กลับจากตลาดแต่เช้าทุกวัน แกก็เดินแวะเวียนเข้าไปดู เผื่อมีบางตัวจะออกไข่มาบ้าง ตามกำหนดแล้วคงถึงเวลาที่จะได้เก็บมากินมาขายบ้าง แต่ก็ไม่เคยเห็น..ตกเย็นเป็นหน้าที่ของอาลีเมื่อกลับจากโรงเรียนก็ต้องแวะมาให้อาหาร ทั้งตรวจดูว่ามีออกไข่มาบ้าง..แต่ก็ไม่เคยเห็น..
แกตั้งข้อสงสัยต่างๆ นานา ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับฝูงเป็ด แต่ก็คิดไม่ตกเสียสักที อยากให้รถเร่ขายกลับมาอีกรอบ จะได้ไต่ถาม แต่ก็ไม่เห็นหัว มันคงตระเวนเร่ขายไปทั่วภาคใต้ คงอีกนานกว่าจะได้แวะเวียนกลับมาทางนี้อีกสักหน
แกเริ่มเซ็งๆ กับเป็ดพวกนี้ ที่นับวันยิ่งต้องเพิ่มจำนวนอาหารมากขึ้น แต่ก็จำยอมให้ เพราะทนทรมานกับเสียงเอะอะพวกนั้นไม่ไหว.. ภาระต่างๆ ที่แกเคยรับผิดชอบเกี่ยวกับการดูแลเล้าเป็ดจึงตกมาอยู่ที่อาลีและภรรยา ทั้งสองต้องเป็นฝ่ายรับภาระเรื่องให้อาหาร และเปลี่ยนน้ำในกะละมังอยู่เสมอ จนแกทนไม่ไหวที่จะต้องไปปรึกษาเพื่อนบ้าน
“ของแกเป็นไงบ้าง” บังอุหมอดซักเพื่อนบ้านที่เคยซื้อเป็ดไปเลี้ยงเช่นกัน
“กูแจกจ่ายบ้างขายบ้างเสียเกือบหมดเล้าแล้ว.. เหลือไว้ห้าตัวที่มีออกไข่อยู่บ้าง ไว้ให้พอเก็บมากิน”
“มึงช่วยมาดูของกูหน่อย” บังอุหมอดชักชวนเพื่อนให้เข้าไปดูเป็ดของแกในเล้าหลังบ้าน
“ซวยแล้วมึง ได้ตัวผู้มาหมด แล้วมันจะไข่ยังไงวะ”
“เวร” บังอุหมอดสะบัดหัวลุกขึ้นกระชับผ้าขาวม้าใหม่.. หน้าตาเคร่งเครียดหันมองฝูงเป็ดที่ร้องเอะอะโวยวายกระจายอยู่ในเล้า ก่อนย่างเท้าออกกลับไปหาภรรยา..
แกเดินวนไปเวียนมาหน้าบ้านอยู่หลายรอบ..ก่อนเดินกลับมาหาภรรยา
“มะรืนนี้ไปเชิญโต๊ะอีหม่ามและทุกคนในชุมชน เราจะทำบุญแกงเป็ดที่บ้าน” แกสั่งภรรยาไว้ก่อนเดินตรงไปยังรถพ่วงข้างขับออกเร็วปรื๋อไปยังท่าเรือซึ่งห่างจากบ้านไม่มากนัก ปล่อยภรรยาและคนในร้านงุนงง..
………………
กันยายน 2553, ณ เรือนศิลป์กะรักษ์